
วัสดุและเส้นใยแฟชั่นแห่งอนาคตกำลังจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นจากปัญหาการขาดแคลนน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ แม้ว่านวัตกรรมในอุตสาหกรรมนี้กำลังจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วก็ตาม
“Materials really lie at the heart of the fashion industry, not only for the aesthetics, but also for the environmental footprint”. Credit: Shutterstock.
ข้อจำกัดด้านน้ำผลักดันนวัตกรรม
คุณ Riyong Kim หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนจาก European Environment Agency ได้กล่าวในการเสวนา "What is Next-Gen" ของ Global Fashion Summit ว่าอนาคตของฝ้ายและวัสดุธรรมชาติทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อจำกัดเรื่องน้ำของเรา
พร้อมระบุว่า “เรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเห็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเส้นใยธรรมชาติที่เราพึ่งพามาโดยตลอด”
คุณ Katrin Ley กรรมการผู้จัดการของ Fashion For Good เสริมว่า "วัสดุเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่ยังรวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย"
ก้าวต่อไปของวัสดุ Next-Gen
คุณ Ley เชื่อว่า "เรากำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับวัสดุ Next-Gen" โดยเธอให้นิยาม วัสดุ Next-Gen ว่าเป็นวัสดุหรือโซลูชั่นที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้เชิงพาณิชย์ มีความแปลกใหม่และเป็นนวัตกรรม แต่ก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายบางประการ เช่น ปัญหาด้านราคาหรือต้นทุน หรือยังไม่ได้นำออกสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
และเสริมว่า "เมื่อเราพิจารณาสถานะปัจจุบันของเส้นใย Next-Gen โซลูชั่นนวัตกรรมเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของตลาด เราได้ทำการวิเคราะห์ทั้งหมดเพื่อดูว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร" จากการวิจัยนี้ คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 โซลูชั่น Next-Gen อาจมีสัดส่วนสูงถึง 10%
ความสนใจในประเด็นดังกล่าวของคุณ Ley มาจากการเปลี่ยนผ่านจากห่วงโซ่คุณค่าเชิงเส้นไปสู่ห่วงโซ่คุณค่าที่ฟื้นฟูได้ และการรวมโลกของวัสดุต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยกล่าวว่า "ถ้าเราพิจารณาเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ควบคู่ไปกับโซลูชั่นชีวสังเคราะห์ และหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน และเราคิดถึงวัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ หรือชีวสังเคราะห์ที่ท้ายที่สุดสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ หรือถ้าเราคิดถึงโซลูชั่นที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้"
กฎระเบียบส่งเสริมการลงทุน
คุณ Kim ยืนยันว่าการออกกฎระเบียบสำหรับวัสดุ Next-Gen มีความสำคัญอย่างยิ่ง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะจะเป็นการกำหนดมาตรฐานและข้อกำหนดให้อุตสาหกรรมปฏิบัติตาม เพื่อผลักดันความยั่งยืนและหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน
พร้อมกล่าวว่า "มันเป็นการปูทางให้เกิดการลงทุนตามมา"
อย่างไรก็ตาม ยังชี้ให้เห็นว่าเมื่อพูดถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่คุณ Katrin เพิ่งกล่าวถึง ประเด็นสำคัญประการหนึ่งคือการเกิดขึ้นของนวัตกรรมจำนวนมากในหลากหลายส่วน "สิ่งที่เราต้องการตอนนี้คือนวัตกรรมในวงกว้าง เราได้เห็นนวัตกรรมขนาดเล็กและเฉพาะทางที่ดีมากมาย อาจเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่แน่นอนว่าบางส่วนสามารถขยายขนาดและนำไปใช้ในวงกว้างขึ้นได้"
"แต่สิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือการเชื่อมโยงระหว่างวัสดุชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่เราจำเป็นต้องเห็น"
"บริษัทวัสดุต่าง ๆ จะพบช่องทางเฉพาะของตนเองในอีก 5-7 ปีข้างหน้า แต่แล้วเราจะเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างตลาดของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น แต่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของวิธีการใช้วัสดุในเสื้อผ้าของเรา"
คุณ Kim ย้ำว่ามุมมองของเธอในการออกกฎระเบียบวัสดุเป็นผลมาจากข้อจำกัดของทรัพยากรธรรมชาติ "เราตระหนักว่าวัตถุดิบที่เรามีนั้นมีจำกัด" เธอยังได้แบ่งปันผลการศึกษาที่ European Environment Agency ได้ดำเนินการ ซึ่งระบุว่าสิ่งทออยู่ในอันดับที่ 5 ของการใช้วัตถุดิบ
ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า: "ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่นักนวัตกรรมจะต้องมารวมตัวกัน เชื่อมโยงกัน และดูว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร"
คุณ Ley ยืนยันว่ามีความท้าทายในการรีไซเคิลวัสดุแฟชั่นโดยรวม แต่เธอกล่าวว่านี่คือจุดเด่นขององค์กร Fashion For Good ของเธอ
"เราเพิ่งเสร็จสิ้นโครงการ T Rex ซึ่งเป็นโครงการทั่วยุโรปที่มีนักนวัตกรรมและแบรนด์จำนวนมากเข้าร่วม โดยศึกษาว่าต้องทำอย่างไรในยุโรปเพื่อขยายการรีไซเคิลสิ่งทอจากสิ่งทอ"
"ขยะหลังการบริโภคเป็นพรมแดนใหม่ ขยะหลังอุตสาหกรรมคิดว่าจัดการได้ แต่ขยะหลังการบริโภคเป็นพื้นที่ที่ยังต้องสร้างขึ้น ดังนั้น นโยบายจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างชัดเจน"
"แต่ได้ระบุความท้าทายสามประการจากการศึกษาดังกล่าว ซึ่งคาดว่าผู้เล่นที่มีประสบการณ์ก็ต้องเผชิญเช่นกัน"
"หนึ่งคือต้นทุนการดำเนินงานที่สูงสำหรับห่วงโซ่อุปทานที่มีผู้รวบรวม ผู้แปรรูป ผู้คัดแยก และการผสมผสานพลังงานที่ไม่จำเป็นต้องมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเอเชีย"
"ความท้าทายที่ 2 คือ วัตถุดิบและการเข้าถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึง"
"ความท้าทายที่สามคือทุกคนที่ดำเนินงานในพื้นที่นั้นกำลังเผชิญกับการขาดโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเรากำลังพยายามสร้างห่วงโซ่อุปทานขยะหมุนเวียนที่ยังไม่มีอยู่จริง"
จากมุมมองนั้น คุณ Ley กล่าวว่าคำถามสำคัญคือเราจะจัดการกับความท้าทายทั้งสามนี้ได้อย่างไร?
เธออธิบายว่า Fashion For Good มีเป้าหมายที่จะรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานให้สอดคล้องกัน และนี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่อิงจากขยะหลังการบริโภคในยุโรป
พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า ยังมีพรมแดนอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องได้รับการแก้ไขในอนาคต
-------------------------------------------
Source: JustStyle.com
Photo credit: Shutterstock