
เส้นด้ายที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
การตรวจสอบย้อนกลับมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงเส้นใยสัตว์และเส้นใยที่ได้จากวัสดุเหลือใช้ที่รีไซเคิล และผู้เข้าแสดงสินค้าเส้นด้ายของยุโรปสำหรับฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023 ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การตรวจสอบย้อนกลับมีความสำคัญอย่างยิ่งในการได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค
หนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมงาน Première Vision Yarns บริษัท Belda Lloréns ตั้งอยู่ที่แคว้น Alicante ประเทศสเปน นำเสนอคอลเลกชั่นเส้นด้ายที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือกับบริษัท Fibre Trace บริษัท Good Earth Cotton และบริษัท Impetus Group
ทั้งนี้ Fibre Trace เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการติดตามเส้นใย ส่วน Good Earth Cotton เป็นผู้ผลิตฝ้าย ตั้งอยู่ที่เมือง Moree ประเทศออสเตรเลีย และ Impetus Group เป็นบริษัทสิ่งทอ ตั้งอยู่ที่เมือง Barqueiros ประเทศโปรตุเกส
สำหรับคอลเลกชั่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นด้าย Ecolife ของบริษัท Belda Lloréns ประกอบด้วย E*RetraceCO+, E*ReTrace100 และ E*Retrace30 ตามลำดับ
E*RetraceCO+ ผลิตขึ้นโดยใช้เส้นใยเซลลูโลส 30% ที่ได้จากวัสดุรีไซเคิล และผ้าฝ้าย 70% ของ Good Earth Cotton ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็น ‘ฝ้ายที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลก’ โดย Good Earth Cotton เป็นบริษัทที่มีคาร์บอนเชิงลบ เนื่องจากการเพาะปลูกของบริษัทฯ ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้มากกว่าที่ปล่อยออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินที่ใช้ปลูกฝ้าย ดูดซับ CO2 ได้มากกว่าที่เกิดขึ้นมา อีกทั้งการผลิตฝ้ายของบริษัท Good Earth Cotton ยังใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการผลิตฝ้ายทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผลิตของ Good Earth Cotton ทำให้ได้ผลผลิตเฉลี่ยของฝ้าย 14 ม้วน (bale) ต่อเฮกตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลผลิตเฉลี่ยที่สูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ การผลิตฝ้ายของ Good Earth Cotton ยังประหยัดเวลาได้มากกว่าการผลิตผ้าฝ้ายทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปราสจากสิ่งเจือปนและส่งผลให้ใช้กระบวนการผลิตที่น้อยลง เพื่อให้ได้เส้นใยฝ้ายที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ
E*ReTrace100 ผลิตจากเส้นใย 30% ที่มาจากวัสดุเหลือใช้ก่อนการบริโภค ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต และเส้นใย 70% ที่มาจากวัสดุเหลือใช้หลังการบริโภค
และ E*Retrace30 ผลิตจากเส้นใย 30% ที่มาจากวัสดุเหลือใช้ก่อนการบริโภค ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต และ 70% ของเส้นใย Good Earth Cotton, Tencel Lyocell และวิสโคส ตามลำดับ
ทั้งนี้ เส้นด้ายทั้งหมดในคอลเลกชั่นผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Fibre Trace ซึ่งระบุที่มาหรือแหล่งกำเนิดของเส้นใยที่ใช้ในการผลิต ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเส้นด้ายดังกล่าว จึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ขณะที่ในงาน IFO (งานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี) บริษัท ICA Yarns ตั้งอยู่ที่เมือง Albino ประเทศอิตาลี นำเสนอเส้นด้ายที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ชื่อ ‘Biofusion’ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยร่วมมือกับ Oritain ทั้งนี้ Oritain เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงและติดตาม ตั้งอยู่ที่เมือง Dunedin รัฐ Otago ประเทศนิวซีแลนด์
โดยเส้นด้ายนี้ทำขึ้นโดยใช้ผ้าฝ้ายจากที่สูงและผ้าฝ้าย Supima ซึ่งเป็นผ้าฝ้าย pima ที่จำหน่ายภายใต้ยี่ห้อ ‘Supima’ ทั้งนี้ ผ้าฝ้าย Supima จัดเป็นเส้นใยที่หรูหราและปลูกในรัฐแอริโซนา แคลิฟอร์เนีย นิวเม็กซิโก และเท็กซัสเท่านั้น นอกจากนี้ เส้นด้ายดังกล่าวยังผลิตโดยใช้เทคโนโลยี Origin Fingerprint ของ Oritain ซึ่งสามารถตรวจสอบที่มาของตัวอย่างฝ้ายได้ในทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทาน โดยสามารถระบุคุณสมบัติธรรมชาติของฝ้ายได้ และด้วยฐานข้อมูลตัวอย่างดินจึงสามารถระบุดินที่ปลูกฝ้ายได้ เนื่องจากองค์ประกอบของดินมีความเฉพาะเจาะจงตามพื้นที่
---------------------------------------------------
ที่มา(ข้อมูล) : Survey of European yarn fairs for spring/summer 2023, Textile Outlook International, No 213
เรียบเรียง : ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ