หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / เส้นใยและเส้นด้ายที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและมีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

เส้นใยและเส้นด้ายที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและมีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

กลับหน้าหลัก
27.05.2566 | จำนวนผู้เข้าชม 666

เส้นใยและเส้นด้ายที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและมีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

จากงาน Première Vision Yarns บริษัท Hung Chou Fiber ตั้งอยู่ที่กรุง Taipei ประเทศไต้หวัน นำเสนอเส้นด้ายที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพแบบใหม่ เรียกว่า ‘BioPro’ ซึ่งรวมสารเติมแต่งที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เรียกว่า BioSphere 

เส้นด้ายดังกล่าวทำขึ้นโดยใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ละลายในน้ำได้ ดังนั้น เสื้อผ้าที่ผลิตโดยใช้เส้นด้ายดังกล่าวจึงสามารถดูดซับความชื้นที่เกิดจากร่างกายได้ เป็นผลให้เสื้อผ้าดังกล่าวช่วยให้ผู้สวมใส่รักษาสภาพอากาศที่สบาย เมื่อร่างกายผลิตความชื้นโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งผลิตเส้นใยในเส้นด้ายจะพองตัวและดูดซับโมเลกุลของน้ำมากขึ้น

นอกจากนี้ ยิ่งปริมาณความชื้นที่ผลิตได้มากเท่าใด การบวมน้ำก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น และในทางกลับกัน จำนวนโมเลกุลของน้ำที่ดูดซึมก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ความร้อนที่เกิดจากร่างกาย จะขับน้ำไปยังด้านหน้าภายนอกของเสื้อผ้าและจะระเหย โดยกระบวนการเคลื่อนตัวในสายโซ่โพลีเมอร์เมื่อร่างกายผลิตความชื้นมากขึ้น ระยะห่างระหว่างสายโซ่โมเลกุลจะเพิ่มขึ้น และทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของความชื้นได้มากขึ้น ความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพของเส้นด้ายได้รับการทดสอบ โดยใช้วิธีการที่ระบุไว้ในมาตรฐาน ASTM D5511 และพบว่าเส้นด้ายสามารถย่อยสลายได้ 17.2% ใน 147 วัน

เช่นเดียวกันกับ บริษัท Cocona ตั้งอยู่ที่เมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา นำเสนอ ‘เทคโนโลยี 37.5’ เวอร์ชั่นใหม่ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ในงาน Première Vision Yarns เทคโนโลยีนี้ได้รับการออกแบบให้รวมเข้ากับเส้นใยผ้าและเส้นด้าย โดยจะช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายไว้คงที่ในระดับอุณหภูมิ 37.5 °C 

เทคโนโลยีนี้รวมส่วนผสมเฉพาะของอนุภาคที่ทำจากทรายภูเขาไฟ และถ่านกัมมันต์ที่ได้จากกะลามะพร้าว ขณะที่ขั้นตอนกระบวนการปั่นอนุภาคดังกล่าวจะถูกผสมไปในเส้นใยโพลีเอสเตอร์และเส้นใยโพลีเอไมด์ เส้นใยที่ผสมผสานเทคโนโลยี 37.5 มักใช้ในการผสมในอัตราส่วน 25-35% กับเส้นใยอื่น ๆ

จากข้อมูลของบริษัท Cocona ขนาดของรูพรุนระหว่างอนุภาคถือว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับการดึงดูดและปล่อยโมเลกุลของไอน้ำ นอกจากนี้ รูขุมขนยังสามารถจับโมเลกุนที่ก่อให้เกิดกลิ่นตัว เสื้อผ้าที่ผสมเส้นด้ายที่ใช้เทคโนโลยี 37.5 จะช่วยให้ผู้สวมใส่รักษาอุณหภูมิร่างกายให้สบาย ด้วยเหตุนี้ เหงื่อที่เป็นของเหลวจึงชะลอตัว และอาจป้องกันได้พร้อมช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ก่อตัวและเติบโตบนเสื้อผ้า

ข้อดีอย่างหนึ่ง คือ เสื้อผ้าที่ใช้เทคโนโลยี 37.5 มีโอกาสน้อยที่จะพัฒนากลิ่น เนื่องจากเป็นปฏิกิริยาระหว่างเหงื่อที่เป็นของเหลวกับแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดกลิ่นขึ้น

เทคโนโลยี 37.5 เวอร์ชั่นใหม่มีประโยชน์เพิ่มเติมในด้านการใช้สารเติมแต่งที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เรียกว่า Enhanced Biodegradation (+EB) ซึ่งสารเติมแต่งดังกล่าวช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพ แต่ไม่ส่งผลต่อความสามารถในการรีไซเคิลของผ้า เส้นใย และเส้นด้ายที่ใช้ โดยมีการประเมินว่า เส้นใยสังเคราะห์ที่มีสารเติมแต่งดังกล่าว จะใช้เวลา 80% ในสภาวะที่ไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งในสภาวะนี้เส้นใยจะสลายตัวเป็นก๊าซมีเทน คาร์บอนไดออกไซต์ และชีวมวล 

---------------------------------------------------


ที่มา(ข้อมูล) : Survey of European yarn fairs for spring/summer 2023, Textile Outlook International, No 213

เรียบเรียง : ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ

สิ่งแวดล้อมสิ่งทอ, อุตสาหกรรม, สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม, เส้นใย, เส้นด้าย, ชีวภาพ, สิ่งแวดล้อม, ความยั่งยืน, BioPro, เทคโนโลยี 37.5, THTI, Fashion Intelligence Unit, FIU, FIU_'66