หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / ผู้เชี่ยวชาญมองในแง่บวกกับการควบคุมเงินเฟ้อด้วยปัจจัยที่เอื้ออำนวย

ผู้เชี่ยวชาญมองในแง่บวกกับการควบคุมเงินเฟ้อด้วยปัจจัยที่เอื้ออำนวย

กลับหน้าหลัก
19.07.2565 | จำนวนผู้เข้าชม 340

ผู้เชี่ยวชาญมองในแง่บวกกับการควบคุมเงินเฟ้อด้วยปัจจัยที่เอื้ออำนวย

“ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีคาด อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 เนื่องจากปัจจัยที่ดีหลายประการ”

นาย Nguyen Ba Minh ผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐศาสตร์และการเงินมองในแง่บวกกับอัตราเงินเฟ้อใน ระยะสั้น ความไม่แน่นอนของการขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนและการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ทำให้การฟื้นตัวช้าลงและทำให้ราคาวัสดุโลกลดลง

สถานการณ์ในประเทศจะดีขึ้นเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรคาดว่าจะเป็นไปตามอุปสงค์ในประเทศ เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรมีผลต่อดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ความสมดุลระหว่าง อุปสงค์และอุปทานจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเสถียรภาพมากขึ้น จากการพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ คาดว่าเป้าหมาย เงินเฟ้อร้อยละ 4 อาจเป็นไปได้ โดยการเติบโตของ CPI ต่อปีอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 3.3 ถึงร้อยละ 3.9 ในปี 2565 

นาย Le Quoc Phuong อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลการค้าและอุตสาหกรรมภายใต้กระทรวง อุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแน่นอนในปี 2565 ซึ่งจะมี 2 สถานการณ์สำหรับเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะสั้นท่ามกลางภาวะถดถอยทั่วโลก 

สถานการณ์แรก ภาวะถดถอยจะมาพร้อมกับราคาสินค้าลดลงในทั่วโลก ประกอบกับอุปทานอาหารภายในประเทศที่อุดมสมบูรณ์ จะทำให้เวียดนามสามารถควบคุมเงินเฟ้อตามเป้าหมายร้อยละ 4 อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

สถานการณ์ที่สอง ราคาสินค้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ FED ปรับขึ้นเกณฑ์มาตรฐาน อัตรา ดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาในประเทศ เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อร้อย ละ 4 จะมีโอกาสน้อย 

นาย Ngo Tri Long อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยราคากระทรวงการคลัง (Ministry of Finance: MoF) ได้ เน้นย้ำถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่อยู่เบื้องหลังการกดดันด้านเงินเฟ้อในเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 

ประการแรก เศรษฐกิจเวียดนามมีความเปิดกว้างทางการค้าสูงและต้องพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การตรึงราคาวัสดุในโลกจะแปลเป็นราคาในประเทศ

ประการที่สอง ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น แน่นนอนว่าจะเพิ่มในบิลการผลิต ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น 

ประการที่สาม สำหรับแผนกระตุ้นส่งเสริมการค้ามูลค่า 350 ล้านล้านด่ง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน อุปสงค์โดยรวม ความต้องการที่สูงจะทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคามากขึ้น คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในเวียดนาม จะเกินเป้าหมายประมาณร้อยละ 0.5 ภายในสิ้นปี 2565

นาย Nguyen Xuan Dinh รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายภายใต้กระทรวงการคลังกล่าวว่า ราคาสินค้า ในหลายประเทศ สูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ในสหรัฐอเมริกาอัตราเงินเฟ้อเพิ่ม ร้อยละ 8.6 สหภาพยุโรปอยู่ที่ร้อยละ 9 ในขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเวียดนามยังคงอยู่ที่ร้อยละ 1.25 

ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากต่างประเทศ จำเป็นใช้นโยบายการเงินเชิงรุกและยืดหยุ่น เพื่อรักษา อัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี ขอให้ทางการจัดหาสินค้าที่จำเป็นให้เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลน เพื่อให้ มั่นใจถึงเสถียรภาพของราคาและแนะนำให้ใช้กองทุนรักษาเสถียรภาพราคาและการลดภาษี เพื่อบรรเทาราคา น้ำมันในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น 

นาย Nguyen Manh Hung ประธานสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคเวียดนามกล่าวว่า CPI ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.44 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ความแตกต่างระหว่างการเติบโตของราคาจริงกับตัวเลขที่รายงานไว้ที่ร้อยละ 2.44 ราคาอาหารในหลายพื้นที่สูงขึ้น แต่รายงานกลับตรงกันข้าม

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ DITP, กระทรวงพาณิชย์ และ e.vnexpress.net

ความเคลื่อนไหวสิ่งทอ, อุตสาหกรรม, สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม, เศรษฐกิจ, เวียดนาม, เงินเฟ้อ, ปัจจัย, DITP, THTI, Fashion Intelligence Unit, FIU, FIU_'65