
อินโดนีเซียมองหาทางส่งออกเครื่องนุ่งห่มไปยังสหรัฐฯเพิ่ม
อินโดนีเซียกำลังพยายามมองหาวิธีที่จะเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก รวมถึงเพิ่มการนำเข้าฝ้ายจากอเมริกา
การประชุมระหว่าง Indonesia Textile Association (API) กับ US Cotton Council International เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทำให้อินโดนีเซียเห็นพ้องที่จะพยายามเพิ่มปริมาณการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไปยังสหรัฐอเมริกา รวมถึงการนำเข้าฝ้ายจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ในการประชุมครั้งนี้ผู้ผลิตฝ้ายและผู้ซื้อสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่สำคัญในหลายรัฐของสหรัฐฯเข้าร่วมด้วย
Ade Sudrajat ประธาน API (Asosiasi Pertekstilan Indonesia) กล่าวว่า การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของอินโดนีเซียไปยังสหรัฐฯมีมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 แต่ยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกเพราะผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของอินโดนีเซียสามารถแข่งขันได้ดีในสหรัฐฯเพราะมีคุณภาพที่ดี
ในขณะที่ธนาคาร Rakyat Indonesia กล่าวเสริมว่า ธนาคารพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในอินโดนีเซีย และพันธมิตรทางธุรกิจในสหรัฐอเมริกา
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีนโยบายที่จะส่งเสริมการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2564 สำหรับภาคการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซียคือเครื่องแต่งกายสตรีและเด็กหญิง
อย่างไรก็ตามอินโดนีเซียไม่มีการทำข้อตกลงการค้าเสรี หรือความร่วมมือทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการส่งออกเครื่องนุ่งห่มจากอินโดนีเซียไปยังสหรัฐอเมริกาจะต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 14.4 สำหรับเครื่องแต่งกายถัก (HS บทที่ 61) และร้อยละ 10.8 สำหรับเครื่องแต่งกายทอ (HS บทที่ 62)
เมื่อวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและต้นทุนของการผลิตเสื้อยืดสีขาว อินโดนีเซียมีต้นทุนยู่ที่ 1.2 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถูกกว่าประเทศจีนที่มีต้นทุน 1.4 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่เวียดนามและกัมพูชามีต้นทุนอยู่ที่ 1.14 และ 1.05 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ในขณะที่ค่าจ้างแรงงานของอินโดนีเซียอยู่ที่ 0.15 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศจีน 0.18 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง และกัมพูชา 0.11 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง ในขณะที่เวียดนามมีค่าจ้างแรงงานถูกที่สุดอยู่ที่ 0.08 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง
ประเทศอินโดนีเซียมีความพยายามและเป้าหมายที่จะพัฒนาให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอล ซึ่งเป็นนโยบายที่คิดมาเพื่อตอบสนองเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศให้เป็นหนึ่งในห้าผู้ผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มชั้นนำของโลกภายในปี 2573
ที่มา : Just-style: “Indonesia eyes US garment export growth”, by Hannah Abdulla, August 20, 2019
เรียบเรียงโดย : อิสเรศ วงศ์เสถียรโสภณ (ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)