ค้นหา
กรุณา พิมพ์สิ่งที่ท่านต้องการค้นหาที่นี่ค่ะ
ค้นหา
ปิด
TH
บริการ THTI
วิเคราะห์ทดสอบ
ฝึกอบรม
วิจัยพัฒนาเชิงพาณิชย์
ข้อมูลดิจิตอล
งานจัดแสดงสินค้า
โปรโมชั่นบริการ
นวัตกรรม
All
ECO Textile
Protective Textile
Medical Textile
Sportswear
THTI Activities
THTI Insight
วารสาร
องค์ความรู้
เทคโนโลยีสิ่งทอ
ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม
ข้อมูล นำเข้า-ส่งออก
ข่าวรายวัน
เกี่ยวกับ THTI
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ความเป็นมา
แผนผังองค์กร
ผู้บริหารสถาบัน
คณะกรรมการสถาบัน
ผลงานสถาบันฯ
สมาคมการค้า
พันธมิตร
ติดต่อเรา
ร่วมงานกับเรา
ประกาศ จัดซื้อ-จัดจ้าง
หน้าแรก
/
THTI Insight
/
ข่าวรายวัน
/
ปั้น 'ผ้าใยสับปะรด' ผลผลิตชุมชนเป็นผู้ส่งออก โกยรายได้เข้าปท.
ปั้น 'ผ้าใยสับปะรด' ผลผลิตชุมชนเป็นผู้ส่งออก โกยรายได้เข้าปท.
กลับหน้าหลัก
16.01.2562 |
จำนวนผู้เข้าชม 1642
ปั้น 'ผ้าใยสับปะรด' ผลผลิตชุมชนเป็นผู้ส่งออก โกยรายได้เข้าปท.
สินค้าท้องถิ่นผลิตภัณฑ์จากผ้าใยสับปะรด ออเดอร์ต่างประเทศทะลัก เร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการรักษามาตรฐานสินค้าส่งออก ดันขึ้นแท่นสินค้าสร้างชื่อหวังโกยรายได้เข้าประเทศต่อเนื่อง
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ DITP อยู่ระหว่างการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในระดับชุมชนพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและมีมาตรฐาน โดยกลุ่มผู้ผลิตเสื้อผ้าจากใยสับปะรดถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของสินค้าท้องถิ่นที่มีการดัดแปลงจนสามารถผลักดันให้กลายเป็นสินค้าส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ผลิต และสร้างรายได้แก่ชาวสวนผู้ปลูกสับปะรด ตามนโยบายของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชนและการสร้างงานสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากเส้นใยสับปะรดมีความหลากหลาย เช่น ผ้ารองจาน พรม กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ คุณสมบัติที่โดดเด่นของใยสับปะรด คือความเหนียว ทนทาน สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้าคุณภาพดีอีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมื่อ DITP ได้พาผู้ประกอบการออกงานแสดงสินค้าของทางกรมฯ จึงได้รับความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งมีการสั่งจองล่วงหน้าเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศทันที
"สินค้าที่ผลิตจากเส้นใยสับปะรด ถือเป็นสินค้าที่ช่วยลดมลพิษของเสียจากวัตถุดิบเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวและให้การสนับสนุนอย่างมาก และปัจจุบันหลายหน่วยงานได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในการนำใบสับปะรดมาพัฒนาปั่นเป็นเส้นใยธรรมชาติสู่การผลิตสิ่งทอ เพื่อลดระยะเวลา และรักษาคุณภาพมาตรฐานของเส้นใย ถือเป็นเรื่องที่ดีและน่าภูมิใจที่ท้องถิ่นได้มีการยกระดับขีดความสามารถเพื่อพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้น ส่วนแนวทางส่งเสริมนั้นทาง DITP ได้ให้ความสำคัญด้านความรู้ การพัฒนารูปแบบ และดีไซน์ การสร้างแบรนด์สินค้า และการช่วยหาตลาดสินค้าเพิ่มเติมโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวต่อว่า การที่มีชุมชนที่ผลิตเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มหลายแห่งมาหารือกับกรมฯเพื่อให้กรมฯเข้าไปช่วยเหลือ เช่น กลุ่มรักษ์บ้านเรา จังหวัดสงขลา ที่เคยเข้าร่วมโครงการต้นกล้าทูโกล ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือNEA ที่อยู่ในความดูแลของ DITP นั้น เพื่อต้องการสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ การพัฒนาสินค้า และการทำการส่งออก ซึ่งพบว่าในปัจจุบันมีคำสั่งซื้อจำนวนมากจากผู้ประกอบการกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารจากประเทศญี่ปุ่น จนไม่สามารถผลิตได้ทัน เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุและเป็นสินค้าที่ทำด้วยมือ เบื้องต้นได้มีการประสานไปยังมหาวิทยาลัยและกองทัพไทย เพื่อขอความช่วยเหลือในด้านการผลิตเครื่องจักรทุ่นแรง เพื่อให้ชุมชนกลุ่มนี้สามารถผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานและส่งออกได้ทันตามออเดอร์สั่งซื้อที่รับมา
"แม้จะมีการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยแต่ DITP ก็ยังคงจะส่งเสริมให้มีการจ้างแรงงานผู้สูงอายุต่อไป เช่น แบ่งเป็นสินค้าที่ทำด้วยมือ และทำด้วยเครื่องจักร โดยสินค้าที่ทำด้วยมือจากผู้สูงอายุที่มีความชำนาญก็จะยกระดับเป็นสินค้าเกรดพรีเมียมที่สามารถตั้งราคาขายได้สูง เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผลิตออกมาด้วยความประณีตพิถีพิถันใช้ระยะเวลาในการผลิตค่อนข้างนาน และที่สำคัญชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นพิเศษ ถือเป็นเสมือนของสะสมที่ควรค่าแก่การครอบครอง"
ด้าน นางปริยากร ธรรมพุทธสิริ ผู้ผลิตและจำหน่าย หจก.รักษ์บ้านเรา สงขลา หนึ่งในผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เคยเข้าร่วมโครงการต้นกล้าทูโกล กล่าวว่า จังหวัดสงขลามีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ขึ้นชื่ออยู่อย่างหนึ่งนั่นคือผ้าขาวม้าเกาะยอ และตนเองก็ได้ประกอบกิจการเกี่ยวกับผ้าขาวม้าทั้งเป็นผู้ผลิตผ้าและแปรรูปเป็นเสื้อผ้าลายผ้าขาวม้า จากนั้นก็ได้เข้าอบรมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่จังหวัดสงขลา และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยหลังจากที่ได้เข้ารับการอบรมกับสถาบัน NEA ทำให้ได้รับความรู้และมองเห็นจุดบกพร่องของผลิตภัณฑ์ จึงเร่งดำเนินการแก้ไข และพัฒนาต่อยอดจนทำให้ DITP สนใจและเชิญชวนกลุ่มตนเข้าร่วมแสดงสินค้าในงาน STYLE Bangkok ทำให้ความฝันที่จะส่งสินค้าออกไปขายยังต่างประเทศกลายเป็นความจริงขึ้นมาในทันที เพราะมีหลายประเทศให้ความสนใจ อาทิ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และสวิสเซอร์แลนด์ ฯลฯ และมียอดสั่งจองสินค้าไว้ล่วงหน้าจำนวนมาก
นอกจากความสำเร็จที่เกินคาดหมายและความภูมิใจที่สินค้าท้องถิ่นของสงขลาได้รับความสนใจจนสามารถขายออกนอกประเทศได้ เรายังได้พันธมิตรทางการค้าจากการเข้าร่วมอบรมมาช่วยดูแลเรื่องการตลาด การจัดการด้านเอกสาร การขอมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้สินค้าของเรามีความเป็นสากลมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มฯ ขยายตัวถึง 100% เพราะเดิมที่ขายผ้าขาวม้าวัตถุดิบธรรมดาทั่วไปราคา 200-300 บาท แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบเป็นใยสับปะรดบวกกับการดีไซน์สินค้าให้มีความทันสมัยและสวยงามตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ตรงจุด ทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาสามารถตั้งราคาขายได้สูงถึงชุดละ 3,000-5,000 บาท เลยทีเดียว
"ผลของการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ใยสับปะรดนอกจากจะทำให้สินค้ามีมูลค่าสูงขึ้นแล้ว ยังได้สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเพิ่มขึ้นเนื่องจากนำเอาวัตถุดิบที่ไม่มีมูลค่ามาทำให้เกิดมูลค่า เพราะทางกลุ่มฯได้รับซื้อใยสับปะรดจากชุมชนในราคากก.ละ 300-600 บาท ขณะที่กลุ่มทอผ้าจากเดิมที่มีรายได้เมตรละ 50 บาท หลังจากได้มีการพัฒนาสินค้าด้วยใยสับปะรด ก็มีรายได้เพิ่มเป็นเมตรละ 150 – 250 บาท นับเป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง" นางปริยากร กล่าว
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/824298
Print this
สิ่งทอ,ผ้าใยสับปะรด,สินค้าส่งออก,กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ,สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่
IVL ทุ่มเงิน 2.5 พันล.บุกอินเดีย ซื้อหุ้นใหญ่โพลีเอสเตอร์จากกลุ่มโลเฮีย
ย้อนกลับ
หอการค้าไทยเปิดโผ 10 อาชีพธุรกิจ'เด่น-เดี้ยง'ปีหมู
ถัดไป
THTI Insight
วารสาร
องค์ความรู้
เทคโนโลยีสิ่งทอ
ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม
ข้อมูล นำเข้า-ส่งออก
ข่าวรายวัน