หน้าแรก / THTI Insight / ข่าวรายวัน / จดหมายข่าวอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม_รายไตรมาส ฉบับที่ 45

จดหมายข่าวอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม_รายไตรมาส ฉบับที่ 45

กลับหน้าหลัก
17.12.2561 | จำนวนผู้เข้าชม 1063


จดหมายข่าวอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม_รายไตรมาส

ฉบับที่ 45 (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2561)

Business ข้อมูลธุรกิจ

ข่าว :

ผลักดัน “คันทรี่ อิมเมจ” สร้างแบรนด์ไทยสู่สากล

เข้ามารับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือนกับประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สุริยน ศรีอรทัยกุล ก็เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ดูแล และต่อเนื่องทันทีด้วยการผลักดันแบรนด์สินค้าไทยให้มีชื่อเสียงเทียบเท่า กับแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับคนใหม่จะทำการผลักดันมีด้วยกัน 8 กลุ่มหลัก คือ อัญมณี หัตถกรรม สิ่งทอ เครื่องหนัง เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เนื่องจากทั้ง8 กลุ่มธุรกิจ มีความสำคัญต่อการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอัญมณี ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ กล่าวว่า ปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีสามารถ สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยไม่ต่ำ กว่า 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของจีดีพีทั้งประเทศ และถ้าหากนำ ทั้ง 8 กลุ่มมารวมกันสามารถสร้างจีดีพีให้กับประเทศไม่ต่ำกว่า 10% เลยทีเดียว ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจอัญมณีและ เครื่องประดับถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของประเทศไทยในปี 2560 ที่ผ่านมา รองจากรถยนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ โดยมีมูลค่าการส่งออก 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ4.34 แสนล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าส่งออก (ไม่รวมทองคำ) ที่ 3,865.5 ล้าน ดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากรวมทองคำ (ที่ซื้อมาขายไปเพื่อเก็งกำไร) ส่งออกได้รวมที่ 6,328.3 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวที่ 0.6%

ข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลตลาด :

สถานการณ์อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย เดือนกันยายน 2561

 

ภาพที่ 1 แสดงภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย

เดือนกันยายน 2561 และ (สะสม) เดือนมกราคม-กันยายน 2561

ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย ในเดือนกันยายน 2561 พบว่า การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 565.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 1.90 แบ่งเป็น (1) การส่งออกกลุ่มสิ่งทอ มีมูลค่า 376.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.44 และ (2) การส่งออกกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 188.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.38 ขณะที่ภาพรวมการนำเข้าของอุตสาหกรรมดังกล่าว มีมูลค่า 425.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.26 แบ่งเป็น (1) การนำเข้ากลุ่มสิ่งทอ มีมูลค่า 281.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.97 และ (2) การนำเข้ากลุ่มเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 144.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.69 และส่งผลให้ภาพรวมดุลการค้าเกินดุล คิดเป็นมูลค่า 139.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในขณะที่ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมดังกล่าว สะสม 9 เดือน (มกราคม - กันยายน 2561) พบว่า การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 5,365.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.87 แบ่งเป็น (1) การส่งออกกลุ่มสิ่งทอ มีมูลค่า 3,527.00 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.75 และ (2) การส่งออกกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 1,838.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.45 ขณะที่ภาพรวมการนำเข้า (สะสม) ของอุตสาหกรรมดังกล่าว มีมูลค่า 3,977.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.38 แบ่งเป็น (1) การนำเข้า (สะสม) กลุ่มสิ่งทอ มีมูลค่า 2,746.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.98 และ (2) การนำเข้า (สะสม) กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 1,230.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.80 และส่งผลให้ภาพรวมดุลการค้าเกินดุล คิดเป็นมูลค่า 1,388.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานการณ์อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้าไทย เดือนกันยายน 2561

ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า ในเดือนกันยายน 2561 พบว่า การส่งออกเครื่องหนังและรองเท้า มีมูลค่า 132.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น (1) การส่งออกกลุ่มเครื่องหนัง มีมูลค่า 90.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 4.2 และ (2) การส่งออกกลุ่มรองเท้า มีมูลค่า 41.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 10.5 ขณะที่ภาพรวมการนำเข้าของอุตสาหกรรมดังกล่าว มีมูลค่า 153.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น (1) การนำเข้ากลุ่มเครื่องหนัง มีมูลค่า 114.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 และ (2) การนำเข้ากลุ่มรองเท้า มีมูลค่า 38.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 และส่งผลให้ภาพรวมดุลการค้าขาดดุล คิดเป็นมูลค่า 21.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในขณะที่ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมดังกล่าว สะสม 9 เดือน (มกราคม - กันยายน 2561) พบว่า การส่งออกเครื่องหนังและรองเท้า มีมูลค่า 1,327.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น (1) การส่งออกกลุ่มเครื่องหนัง มีมูลค่า 864.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 และ (2) การส่งออกกลุ่มรองเท้า มีมูลค่า 463.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.6 ขณะที่ภาพรวมการนำเข้า (สะสม) ของอุตสาหกรรมดังกล่าว มีมูลค่า 1,477.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น (1) การนำเข้า (สะสม) กลุ่มเครื่องหนัง มีมูลค่า 1,094.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 และ (2) การนำเข้า (สะสม) กลุ่มรองเท้า มีมูลค่า 383.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.5 และส่งผลให้ภาพรวมดุลการค้าขาดดุล คิดเป็นมูลค่า 150.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานการณ์การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2561

การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2561 มีมูลค่าลดลงร้อยละ 13.84 (ร้อยละ 19.47 ในหน่วยของเงินบาท) หรือมีมูลค่า 9,181.10 ล้านเหรียญสหรัฐ (292,928.91 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีมูลค่า 10,655.49 ล้านเหรียญสหรัฐ (363,767.89 ล้านบาท) นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.84 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ หากพิจารณามูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำพบว่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 5,882.35 ล้านเหรียญสหรัฐ (187,872.70 ล้านบาท) มีมูลค่าเติบโตสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 6.64 (ลดลงร้อยละ 0.43 ในหน่วยของเงินบาท)

ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

เมื่อแยกพิจารณาการส่งออกในรายผลิตภัณฑ์สำคัญพบว่า

สินค้าสำเร็จรูป เครื่องประดับทอง เครื่องประดับเงิน และเครื่องประดับแพลทินัม เติบโตสูงขึ้นร้อยละ 8.95,  ร้อยละ 4.60 และร้อยละ 1.16 ตามลำดับ

สินค้ากึ่งสำเร็จรูป เพชรเจียระไน พลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.92, ร้อยละ 3.09 และร้อยละ 5.44 ตามลำดับ

รายละเอียดเพิ่มเติม

Design ออกแบบ

เครื่องประดับอัตลักษณ์...มรดกอันทรงคุณค่าของไทย

ภาพซ้าย : ลายลูกสน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นของเครื่องประดับทองเพชรบุรี

ภากลาง : เครื่องประดับทองสุโขทัย ใส่เทคนิคการลงยาสี และแกะสลักลวดลาย

ภาพขวา : สร้อยคอแบบถักเป็นเทคนิคเฉพาะของช่างทองสุโขทัย

ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องประดับที่สำคัญของโลก เนื่องด้วยมีข้อได้เปรียบในด้านทักษะฝีมือแรงงาน ประกอบกับมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำเครื่องประดับอยู่มาก เครื่องประดับของไทยจึงได้รับการยอมรับอย่างสูงในตลาดโลก ทั้งในด้านรูปแบบสินค้าที่สวยงามและคุณภาพได้มาตรฐานสากล ซึ่งศักยภาพการผลิตเครื่องประดับของไทยนั้น ไม่ได้มีเพียงเฉพาะในภาคโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น แต่ไทยยังมีศักยภาพในการผลิตเครื่องประดับอัตลักษณ์ของช่างฝีมือระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณค่าและสะท้อนถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรม และความเป็นชาติไทยได้เป็นอย่างดี

เครื่องประดับอัตลักษณ์ของไทย

วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมอันหลากหลายของคนไทยในแต่ละภาคมีอิทธิพลและเป็นบ่อเกิดแห่งชิ้นงานศิลปะรูปแบบต่างๆ อันรวมถึงการสร้างสรรค์ชิ้นงานเครื่องประดับด้วย โดยเครื่องประดับอัตลักษณ์ของไทยนั้น ถือเป็นความพยายามของช่างฝีมือในระดับท้องถิ่นที่ได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของท้องถิ่นลงบนตัวชิ้นงาน อันเป็นการสะท้อนถึงตัวตนเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ เครื่องประดับไทยอันประกอบด้วยเครื่องประดับทอง เครื่องประดับเงิน และเครื่องถม ล้วนถูกผลิตขึ้นโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญงานและสะท้อนอัตลักษณ์ในท้องถิ่นผ่านลวดลายที่หลากหลายและงดงาม ก่อให้เกิดการจดจำและบ่งบอกได้ถึงแหล่งที่มาอันเชื่อมโยงเข้าสู่ความเป็นไทย

รายละเอียดเพิ่มเติม

Innovation นวัตกรรม เทคโนโลยี

Blockchain มิติใหม่ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ

เทคโนโลยี Blockchain เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจโดยเฉพาะในภาคการเงินการธนาคาร ขณะที่ปัจจุบันในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเริ่มมีการพูดถึงและถูกนำมาใช้มากขึ้นแล้ว Blockchain คือ เทคโนโลยีที่ทำงานเสมือนเป็นเครือข่ายข้อมูลที่คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงและรับข้อมูลแบบเดียวกัน ซึ่งข้อมูลที่ได้บันทึกไว้จะไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง ทำให้ข้อมูลในเครือข่ายมีความปลอดภัยสูง ความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้มีการนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ ธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น การชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ระบบลงทะเบียนในมหาวิทยาลัย การจัดการข้อมูลบัตรประชาชนและการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ระบบการขนส่งสินค้า เป็นต้น อาจกล่าวได้ว่า Blockchainของแต่ละธุรกิจจะมีรูปแบบและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบการใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกิจนั้นๆ โดยอยู่บนฐานของเทคโนโลยีเดียวกันนั่นเอง

ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในค้าเพชรแล้วโดยเป็นการสร้างเครือข่ายข้อมูลตลอดห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ เรียกว่าเป็นข้อมูลจากเหมืองสู่มือผู้บริโภคเลยทีเดียว กล่าวคือจะมีการบันทึกข้อมูลและที่มาของเพชรในทุกขั้นตอนจนถึงมือผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นเรื่องความถูกต้องของแหล่งที่มาของเพชรและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะกระบวนการใช้แรงงานในการทำเหมือง

กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้ลงทุนและนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ De Beers และ Richline Groupซึ่ง De Beers ได้ประกาศที่จะใช้เทคโนโลยีนี้เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา การใช้งานจะเริ่มจากเพชรก้อนจากเหมืองสู่ขั้นตอนการตัด การเจียระไน การเข้าตัวเรือน จนถึงมือผู้บริโภค ระบบปฏิบัติการ Blockchain ที่ De Beers ได้พัฒนาร่วมกับ Boston Consulting Groupเพื่อใช้งานเรียกว่า TRACR โดยทดลองใช้งานด้วยการติดตามและบันทึกข้อมูลของเพชรเจียระไนขนาดใหญ่จำนวน 100 เม็ด อีกทั้งมีแผนที่จะขยายการใช้งานกับเพชรขนาดเล็ก และหุ้นส่วนผู้ผลิตรายอื่น ซึ่ง De Beers มีเป้าหมายว่าจะขยายขอบข่ายการใช้งานระบบปฏิบัติการนี้ไปยังส่วนอื่นที่เหลือจนครบภายในสิ้นปี 2018 นี้

รายละเอียดเพิ่มเติม

Quality มาตรฐานคุณภาพ

จะเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรม เมื่อ De Beers ก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์

บริษัท De Beers Group ผู้ผลิตและจำหน่ายเพชรแท้จากธรรมชาติรายใหญ่ของโลก ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจครั้งใหญ่ โดยประกาศเข้าสู่ธุรกิจเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ที่ผลิตจากห้องทดลอง (Lab-Grown Diamond) และเปิดตัวสินค้าภายใต้แบรนด์ Lightbox Jewellery หลังจากใช้เวลาหลายปีลงทุนด้านการผลิตเพชรสังเคราะห์ในห้องทดลองผ่านบริษัทในเครือธุรกิจคือ บริษัท Element Six ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการผลิตเพชรสังเคราะห์สำหรับภาคอุตสาหกรรมมานานกว่า 50 ปีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเครื่องประดับแฟชั่นซึ่งตกแต่งด้วยเพชรสังเคราะห์หลากสีสัน มีดีไซน์เก๋ในแนวสนุกสนานด้วยสนนราคาที่ไม่สูงนัก ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อให้ตนเองหรือให้แก่กลุ่มเพื่อนได้ และยังคงให้ความรู้สึกถึงความเป็นแบรนด์ระดับสูง

Alan Frampton ผู้อำนวยการของ Cred Jewellery ให้ความเห็นต่อการที่ De Beers Group ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ว่าบริษัทDe Beersรู้ว่าสิ่งนี้จะต้องมาถึงในไม่ช้า ในปี 2012 เมื่อครอบครัว Oppenheimer ขายหุ้นในบริษัท De Beers ให้ Anglo American ด้วยมูลค่า 5.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ พวกเขายังเก็บหุ้นในด้านการผลิตเพชรสังเคราะห์เอาไว้ เพราะรู้ดีว่าอนาคตจะเดินหน้าไปยังทิศทางไหน

รายละเอียดเพิ่มเติม

THTI Activities กิจกรรมสถาบันฯ

สถาบันฯสิ่งทอผนึกพลังบุนกะแฟชั่น สร้างสรรค์แฟชั่นไทยออกแบบโดนใจสู่สากล

นายวิวัฒน์ หิรัญพฤกษ์ ที่ปรึกษาสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ พร้อมด้วย นางสุดา ยังให้ผล รักษาการ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เข้าเยี่ยมชมและร่วมหารือ กับ คุณสมพร สุนทรธำรง ผู้อำนวยการ โรงเรียนบุนกะแฟชั่น พร้อมด้วย นายวิวัฒน์ สันติอัศวราภรณ์ ผู้จัดการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ โรงเรียนบุนกะแฟชั่น

ทั้งนี้เพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย นักออกแบบและวิทยากรมืออาชีพ ร่วมวางแนวทางยกระดับผู้ประกอบ SMEs และกลุ่มวิสาหกิจผ้าทอไทย เตรียมนำเทคนิคการ “คิด ผลิต ขาย” พร้อมสร้างองค์ความรู้ ด้านมาตรฐาน ไซส์ คุณภาพและความประณีต มาประยุกต์ในการพัฒนาสินค้าแฟชั่นให้ตอบโจทย์ตลาดในระดับสากล ภายใต้งบประมาณปี 2562 ณ โรงเรียนบุนกะแฟชั่น ห้างสรรพสินค้าเกตุเวย์ เอกมัย

ที่มา : https://mgronline.com/south/detail/9610000082136

Newsletter, no.45 ต.ค.-ธ.ค., ปี 2561, อุตสาหกรรม, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, ธุรกิจ, ออกแบบ, นวัตกรรม, มาตรฐานคุณภาพ, Quality, Design, Innovation, กิจกรรม