
เพิ่มยอดขายในกลุ่ม Niche Market ด้วยเครื่องประดับแฮนด์เมด
ผู้ประกอบการหลายรายอาจกำลังประสบกับปัญหาการทำตลาดแบบครอบคลุมทุกกลุ่มหรือ Mass Market ที่ไม่อาจเพิ่มยอดขายหรือทำกำไรได้มากนักในปัจจุบัน เนื่องจากมีการแข่งขันสูงทั้งด้านจำนวนผู้ประกอบการและราคา แต่หากผู้ประกอบธุรกิจลองหันมาเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มหรือ Niche Market โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชื่นชอบงานฝีมืออย่างเครื่องประดับแฮนด์เมดซึ่งสินค้าแฮนด์เมดมักมีเอกลักษณ์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้นเพียงใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ดีไซน์ลูกเล่นต่างๆและความพิถีพิถันในการผลิตชิ้นงานออกมาก็จะทำให้สามารถตั้งราคาได้สูง และทำกำไรต่อหน่วยได้สูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการปูทางสู่การสร้างแบรนด์ของตนเองได้อีกด้วย
ตลาดสินค้าเครื่องประดับแฮนด์เมดกำลังบูม
ใคร ๆ ก็ชอบสินค้าที่มีความเป็นยูนีค ไม่ซ้ำใคร ทำให้สินค้าแฮนด์เมดต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องประดับได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้ จากข้อมูลวิจัยการตลาดของ Technavio ได้รายงานว่า ตลาดสินค้าแฮนด์เมด (รวมเครื่องประดับ) ของโลกในช่วงปี 2558-2562 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยราวร้อยละ 12 ต่อปี โดยสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ซึ่งตลาดแฮนด์เมดของสหรัฐอเมริกา ถูกขับเคลื่อนจากความต้องการสินค้าจำพวกของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ และสินค้าแฟชั่น อาทิ กระเป๋า และเข็มขัด เป็นต้น
ขายไอเดียสร้างมูลค่าเพิ่มเครื่องประดับแฮนด์เมด
เครื่องประดับธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไป อาจมีราคาเพียงไม่กี่บาทแต่เมื่อมีการใส่ไอเดียสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านการรังสรรค์ชิ้นงานด้วยมือผสมลูกเล่นหรือนำวัสดุต่างๆ มาประยุกต์ใช้ กลับทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว ในที่นี่จะนำเสนอตัวอย่างไอเดียเครื่องประดับแฮนด์เมดเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการนำไปต่อยอดในแบบฉบับของตัวเอง
ไอเดียการใช้ลูกเล่น การทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องประดับเคลื่อนไหวได้ ดังเช่น แบรนด์ไทย “Try me” ผลิตเครื่องประดับด้วยการเพ้นท์สีด้วยมือและแฝงลูกเล่นต่างๆ เช่น แหวนม้าหมุนที่หมุนได้จริง หรือแหวนแมวที่สั่นกระดิ่งได้จริง โดยสนนราคาขายตั้งแต่ 300 – 3,650 บาท หรือแหวนกล ซึ่งประกอบไปด้วยแหวนหลาย ๆ วงที่คล้องเกี่ยวรวมกันเป็นแหวนหนึ่งวง นับเป็นงานหัตถศิลป์ที่ต้องอาศัยทักษะชั้นสูงซึ่งสืบทอดมาจากช่างทองโบราณ มีการผลิตอยู่ในจังหวัดจันทบุรีโดยบางรายได้พัฒนารูปแบบให้ชิ้นส่วนของแหวนกลเคลื่อนไหวได้ เช่น แหวนกลสุนัขที่หัวสุนัขขยับไปมาได้ หรือ แหวนปูที่มีก้ามกระดิกได้ เป็นต้นรวมถึงการนำอัญมณีต่าง ๆ มาตกแต่งเพิ่มมูลค่าด้วย สำหรับราคาแหวนกลเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะที่นำมาใช้ผลิตและอัญมณีที่นำมาตกแต่งบนตัวเรือนรวมถึงความยากง่ายของแต่ละรูปแบบ
แหวนกลปากสิงโตขยับได้ของบ้านแหวนกล
ไอเดียการใช้วัสดุธรรมชาติ ขนของนกยูงที่ผลัดเองตามธรรมชาติเพียงปีละหนึ่งครั้ง ถูกนำมาใช้ตกแต่งเป็นต่างหูที่ทำด้วยโลหะต่าง ๆ ร่วมกับวัสดุอื่น ๆ อย่างพลอยสี ไข่มุก และหินสี ของแบรนด์ไทย “โมรียา” โดย วางขายในราคาตั้งแต่ 450 – 9,999 บาท หรือการนำปีกผีเสื้อ ไม้ไผ่ ผ้าฝ้าย ไหม และหินมาออกแบบร่วมกับโลหะเงินหรือทองเหลือง และพลอยสีต่าง ๆ ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นไทยและล้านนาของแบรนด์ไทย “Juno Janssen” ซึ่งสนนราคาขายตั้งแต่ 690 – 2,990 บาท
ไอเดียการสลักข้อความและดีไซน์เครื่องประดับด้วยตนเอง การเลือกคำหรือข้อความ และวัสดุอื่น ๆ อาทิ พลอยสี หินสี หรือชาร์ม (charm) มาตกแต่งเครื่องประดับด้วยตัวลูกค้าเอง ทำให้สินค้านั้นเป็นสินค้าที่มีชิ้นเดียวในโลก ซึ่งเทรนด์นี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ อย่างเช่น หนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของอินโดนีเซีย “Aeroculata” ที่ให้ลูกค้าร่วมดีไซน์ด้วยการเลือกชาร์มแบบต่าง ๆ มาตกแต่งบนตัวเรือนเครื่องประดับชุบทอง รวมทั้งรับทำจี้ข้อความหรือสลักถ้อยคำลงบนตัวเรือนเครื่องประดับ มีราคาขายเริ่มตั้งแต่ 850 บาทขึ้นไป หรือ แบรนด์ METALPRESSIONS จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งขายเครื่องประดับที่ให้ลูกค้าดีไซน์แบบด้วยตนเองโดยการเลือกข้อความและอัญมณีตกแต่งบนเครื่องประดับที่ทำจากโลหะเงินและโลหะทองคำแท้สนนราคาขายตั้งแต่ 100 – 3,700 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,330 – 123,250บาท)
เว็บไซต์ขายเครื่องประดับแฮนด์เมด การค้าออนไลน์ถือเป็นช่องทางการตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบันเพราะทำให้สินค้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไม่จำกัด และมีต้นทุนต่ำ สำหรับเว็บไซต์ขายเครื่องประดับแฮนด์เมดออนไลน์มีให้เลือกอยู่จำนวนมาก หากแต่ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้ดี เพื่อจะได้ตั้งราคาขายที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อหักค่าธรรมเนียมแล้วจะทำให้ได้กำไรตามที่ต้องการ สำหรับเว็บไซต์ที่จะทำให้สินค้าของท่านไปสู่ลูกค้าทั่วโลกที่น่าสนใจมีดังนี้
Etsy.com เว็บไซต์ขายงานฝีมืออันดับหนึ่งของโลก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันและยุโรป อีกทั้งยังมีลูกค้าจากแคนาดา ออสเตรเลีย และเอเชียด้วย ซึ่งการสมัครขายสินค้าก็ไม่ยุ่งยาก แค่กรอกข้อมูลชื่อร้านและรายละเอียดของสินค้าที่จะวางขาย และมีบัญชี Paypal สำหรับรับเงินจากลูกค้าเท่านั้นไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือนแต่มีค่าธรรมเนียมในการวางขายสินค้าอยู่ที่ชิ้นละ 0.20 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7 บาท) และสินค้าหนึ่งชิ้นจะอยู่ในร้านได้ 4 เดือน หากภายใน 4 เดือนไม่สามารถขายสินค้าได้ สินค้านั้นก็จะหายไปจากหน้าร้าน ทั้งนี้ ผู้ขายสามารถตั้งการขายสินค้าให้เป็น auto-renew ได้ นั่นคือ Etsy จะคิดเงินค่าวางขายสินค้าอัตโนมัติทุก ๆ 4 เดือน และเมื่อสินค้าขายได้จะถูกเก็บค่าธรรมเนียมอีกร้อยละ 5 ของราคาสินค้ารวมค่าจัดส่งสินค้านอกจากนี้ เมื่อได้รับค่าสินค้าจากลูกค้าแล้วก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับ Paypal ราวร้อยละ 5
Artfire.com เว็บไซต์ขายสินค้าแฮนด์เมดชั้นนำที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของโลก ลูกค้าส่วนมากเป็นชาวอเมริกันและยุโรป อีกทั้งยังมีแคนาดา ตะวันออกกลาง และเอเชีย โดยมีรูปแบบการเปิดร้านขายสินค้าให้เลือกใน 3 แบบ คือ 1) Standard Shop มีค่าธรรมเนียมเดือนละ 4.95 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 165 บาท) และค่าวางขายสินค้าอีกชิ้นละ 0.23 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8 บาท) ซึ่งวางขายสินค้าได้ 250 ชิ้น และเมื่อขายสินค้าได้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 9 ของราคาสินค้าไม่รวมค่าจัดส่งสินค้า2)Popular Shop มีค่าธรรมเนียมเดือนละ 20 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 667 บาท) ไม่มีค่าธรรมเนียมวางขายสินค้าแต่ละชิ้นเพิ่ม สามารถวางขายสินค้าได้ 1,000 ชิ้น และจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเมื่อขายสินค้าได้ร้อยละ 3 ของราคาสินค้าไม่รวมค่าจัดส่งสินค้าและ 3) Featured Shop มีค่าธรรมเนียมเดือนละ 40 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,330 บาท)ไม่มีค่าธรรมเนียมวางขายสินค้าแต่ละชิ้นเพิ่ม สามารถวางขายสินค้าได้ถึง 2,500 ชิ้น และเมื่อขายสินค้าได้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 3ของราคาสินค้าไม่รวมค่าจัดส่งสินค้าสำหรับการรับเงินจากลูกค้าจะต้องทำผ่านบัญชี Paypal ซึ่งเมื่อได้รับค่าสินค้าจากลูกค้าแล้วจะถูก Paypal หักค่าธรรมเนียมอีกราวร้อยละ 5
Dawanda.com เว็บไซต์สินค้าแฮนด์เมดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปมีลูกค้าหลักเป็นชาวยุโรป ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่มีค่าวางขายสินค้าดังนี้ 1) สินค้าราคา 0.1-10 ยูโร (ประมาณ 4-380 บาท) จะเสียค่าธรรมเนียม 0.1 ยูโรต่อชิ้น (ประมาณ 4 บาท) 2) สินค้าราคา 10-20 ยูโร (ประมาณ 380-760 บาท) เสียค่าธรรมเนียม 0.2 ยูโรต่อชิ้น(ประมาณ 8 บาท) 3) สินค้าราคามากกว่า 20 ยูโรขึ้นไป(ประมาณ 760 บาท) เสียค่าธรรมเนียม 0.3 ยูโรต่อชิ้น (ประมาณ 11 บาท) และเมื่อขายสินค้าได้จะถูกเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 9.5 ของราคาสินค้าไม่รวมค่าจัดส่งสินค้าทั้งนี้ผู้ขายรับเงินค่าสินค้าผ่านบัญชี Paypal จะสะดวกที่สุดซึ่งเมื่อได้รับค่าสินค้าจากลูกค้าแล้วจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ Paypal ราวร้อยละ 5 อีกด้วย
แม้ว่าเครื่องประดับแฮนด์เมดจะเป็นสินค้าที่ไม่เหมือนใคร แต่หากไม่มีความโดดเด่นมากพอก็อาจจะขายไม่ได้มากเท่าที่ควรฉะนั้นจึงต้องสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้าโดยการขายไอเดียต่อยอดสินค้าให้มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ และมีสไตล์ชัดเจน เน้นผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป และเปิดตลาดให้กว้างด้วยการขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ชั้นนำ รวมถึงการสร้างจุดขายด้วย“Gimmick” หรือ “Story” ให้กับแต่ละชิ้นงาน เพียงเท่านี้การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มด้วยการขายเครื่องประดับแฮนด์เมดก็จะช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับธุรกิจของท่านได้อย่างแน่นอน
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
สิงหาคม 2561
*** กรุณาอ้างอิง “ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)” ทุกครั้ง เมื่อนำบทความนี้ไปเผยแพร่ต่อ