หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / The EU-Japan Economic Partnership Agreement (EPA) กับโอกาสต่อการส่งออกของไทย

The EU-Japan Economic Partnership Agreement (EPA) กับโอกาสต่อการส่งออกของไทย

กลับหน้าหลัก
18.09.2561 | จำนวนผู้เข้าชม 4646

สรุปสาระสำคัญของข้อตกลง ดังนี้

1. EU-Japan Economic Partnership Agreement (EPA): เป็นข้อตกลงทางการค้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพและครอบคลุมในหลากหลายมิติ นับเป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สหภาพยุโรปเคยเจรจามาจะก่อให้เกิดเขตการค้าที่ครอบคลุมจำนวนประชากรกว่า 600 ล้านคน เมื่อดำเนินการเจรจาเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว 99% ของภาษีศุลกากรของสินค้าส่งออกจากสหภาพยุโรปไปยังประเทศญี่ปุ่น (คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านยูโร) จะถูกยกเลิก อนึ่ง การเจรจาระหว่าง EU และญี่ปุ่นได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2013 และระหว่างการประชุมสุดยอด EU-Japan ปี 2017 ทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลง และเห็นด้วยกับหลักการของการเจรจาการค้าเสรี อันนำไปสู่การได้มาซึ่งข้อตกลง EPA และ JEFTA ที่ถือเป็นข้อตกลงทวิภาคีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของสหภาพยุโรป ครอบคลุม 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมโลก

2. ภายใต้ข้อตกลง EPA ประกอบด้วยหลักการที่มีนัยสำคัญ 2 ประการ กล่าวคือ 1) การตัดสินลงนามภายใต้ข้อตกลงระหว่างคู่ภาคี และ 2) การตัดสินที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภายุโรปในการสรุปข้อตกลง โดยข้อตกลงนี้จะสร้างโอกาสใหม่ที่น่าสนใจสำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรของสหภาพยุโรปโดยการยกเลิกอัตราภาษีศุลกากรต่อสินค้าของญี่ปุ่น อาทิ ชีส ไวน์ ซึ่งในขณะเดียวกันจะเป็นการปกป้องทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาของสหภาพยุโรปในตลาดญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังจะช่วยเปิดตลาดบริการ (การเงิน ICT Ecommerce) และช่วยเพิ่มการดำเนินธุรกิจให้เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นของบริษัทในสหภาพยุโรปได้มากขึ้น ทั้งนี้สาระสำคัญของข้อตกลงการค้าดังกล่าว ได้แก่:

ฝ่าย EU
๑. จะดำเนินการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจำนวน 99% จากญี่ปุ่น
๒. ยกเลิกการเก็บภาษีต่อชิ้นส่วนรถยนต์คิดเป็นมูลค่าทางการค้ามากกว่า 90%
๓. ขณะเดียวกัน EU จะยกเลิกการเก็บภาษี 10% ต่อรถยนต์นำข้าจากญี่ปุ่นในปีที่ 8 หลังจากข้อตกลง FTA มีผลบังคับใช้

ฝ่ายญี่ปุ่น
๑. จะดำเนินการยกเลิกอัตราภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจำนวน 94% จาก EU โดย 82% เป็นสินค้าด้านการเกษตรและการประมง อาทิ ชีส Gouda และ Cheddar (29.8%) ไวน์ (15%) ฯลฯ และยอมปฏิบัติตามหลักการเกี่ยวกับสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของสหภาพยุโรป
๒. จะกำหนดโควตาสำหรับการจัดเก็บอัตราภาษีศุลกากรในระดับต่ำต่อชีสที่นำเข้าจาก EU แต่จะไม่รวมข้าวจาก EU
๓. จะปรับลดอัตราภาษีศุลกากรต่อผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์ และสิ่งทอที่นำเข้าจาก EU โดยมีผลบังคับใช้ในทันที


สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2
กลุ่มงานภูมิภาคยุโรปและ CIS 

www.ditp.go.th 

 
 

EPA,ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป,ข้อตกลงการค้า