
ทั้งข้อตกลงด้านภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กำลังรอการพิจารณาและคดีความต่อศาลต่อภาษีศุลกากรตอบโต้ของทรัมป์ต่างเพิ่มความไม่แน่นอนภายในภาคส่วนแฟชั่น โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมแนะนำว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียมีแนวโน้มสูงสุดที่จะเป็นผู้ชนะโดยรวม
An industry expert says the proposed 55% tariff rate on US imports from China will not help much in reducing market uncertainty overall. Credit: Shutterstock.
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียล Truth ว่าข้อตกลงเรื่องภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้น “เสร็จสิ้น” แล้ว และ “อยู่ระหว่างการอนุมัติขั้นสุดท้าย” พร้้อมกล่าวเสริมว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากร 55% ส่วนจีนจะเรียกเก็บ 10%
อย่างไรก็ตาม รายงานต่อมาของ Sky News อ้างว่าจีนมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้นและปฏิเสธที่จะยืนยันคำกล่าวอ้างของทรัมป์ สืบเนื่องจากสหรัฐฯ และจีนตกลงที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าเป็นเวลา 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม โดยสหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลงเหลือ 30% (จากเดิม 145%) และจีนลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงเหลือ 10%
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาด้านแฟชั่นและเครื่องแต่งกายจากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ ดร. Sheng Lu กล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าอัตราภาษีนำเข้าจากจีนที่เสนอไว้ที่ 55% จะช่วยลดความไม่แน่นอนของตลาดโดยรวมได้มากนัก”
ดร. Sheng Lu กล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า “ไม่เพียงแต่รายละเอียดของข้อตกลงที่ยังไม่ได้ประกาศเท่านั้น แต่ลักษณะของข้อตกลง คดีความที่อยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษี IEEPA ของรัฐบาลทรัมป์ และอัตราภาษีที่อยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งมีผลต่อการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯ จากแหล่งอื่นก็มีส่วนทำให้เกิดความไม่แน่นอนนี้เช่นกัน”
หากการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯ จากจีนต้องเสียภาษีในอัตรา 55% ดร. Sheng Lu เสนอว่า "บริษัทแฟชั่นของสหรัฐฯ จะเพิ่มปริมาณการจัดหาจากซัพพลายเออร์ชั้นนำรายอื่น ๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะซัพพลายเออร์เครื่องนุ่งห่มชั้นนำรายอื่น ๆ ในเอเชียที่ยังคงต้องเสียภาษีในอัตราที่ค่อนข้างต่ำกว่า เช่น เวียดนาม บังกลาเทศ และอินเดีย เป็นต้น"
ดร. Sheng Lu ชี้ให้เห็นว่าการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯ จากจีนในเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ลดลง 13.3% ขณะที่การนำเข้าของสหรัฐฯ จากประเทศในเอเชียอื่นๆ ที่ไม่ใช่จีนเพิ่มขึ้น รวมถึงเวียดนาม (เพิ่มขึ้น 23.4%) บังกลาเทศ (เพิ่มขึ้น 37.8%) กัมพูชา (เพิ่มขึ้น 38.6%) ปากีสถาน (เพิ่มขึ้น 25.7%) และศรีลังกา (เพิ่มขึ้น 26.4%)” และกล่าวเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วว่า “สินค้าส่งออกเครื่องนุ่งห่มจำนวนมากจากประเทศในเอเชียเหล่านี้อาจมาจากโรงงานที่เป็นเจ้าของโดยนักลงทุนชาวจีน นอกจากนี้ โรงงานเสื้อผ้าของจีนยังจะกลายเป็นแหล่งผลิตระดับซูเปอร์เวนเดอร์ นั่นคือ ผู้เล่นคนสำคัญในตลาดที่มีความสามารถพิเศษ หรือมีอิทธิพลอย่างมหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดและคู่ค้าในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการผลิตในหลายประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ”
ทั้งนี้ บริษัทแฟชั่นของสหรัฐฯ ยังคงกระตือรือร้นที่จะหาข้อมูลว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับอัตราภาษีศุลกากรใดสำหรับการนำเข้าจากประเทศอื่นนอกเหนือจากจีนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยที่ลู่ยืนยันว่าข้อมูลนี้ “เป็นข้อมูลสำคัญต่อการตัดสินใจจัดหาสินค้า”
ทั้งนี้ โดยอิงจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษที่ประกาศไว้และข้อตกลงที่รออยู่กับจีน ดร. Sheng Lu วิเคราะห์ว่า "มีแนวโน้มสูงมากที่อัตราภาษีศุลกากรตอบแทนขั้นสุดท้ายระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าจะอยู่ที่ 10% หรือสูงกว่านั้น" หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ กล่าวอีกนัย “โอกาสที่บริษัทแฟชั่นของสหรัฐฯ จะจ่ายภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าในปัจจุบันนั้นค่อนข้างต่ำ”
-------------------------------------------
Source: JustStyle.com
Photo credit: Shutterstock