
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยแผนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยในปี 2568 ว่า กรมจะเร่งเดินหน้าสรุปการเจรจา FTA ที่คงค้างอยู่โดยเร็ว คือ FTA ไทย-
สพภาพยุโรป (อียู) และไทย-เกาหลีได้ ซึ่งการเจรจากับเกาหลีได้
ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าที่จะสรุปผลภายในปี 2568 ส่วน FTA อาเซียน-แคมาดา จะเร่งผลักดันให้มีความคืบหน้ามากที่สุดในปี 2568 เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2569
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ในช่วงปี 2567 - ต้นปี 2568 ไทยได้ลงนาม FTA จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ไทย-ศรีลังกา -สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) และ ไทย-ภูฏาน ซึ่งปัจจุบันไทยและประเทศคู่ FTA อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินกระบวนการภายในประเทศ เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้ภายในปี 2569
โดยสินค้าและบริการที่จะได้รับประโยชน์ อาทิ ยานยนต์และชินส่วน เครืองจักรกลและเครื่อง
และเครื่องประดับ อาหารปรุงแต่ง ผักและผลไม้ การท่องเที่ยว บริการธุรกิจ ก่อสร้าง ขนส่งและโลจิสติกส์ และค้าปลีก
ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการเจรจาตัดทำ FTA เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างขีดความสามารถทาฝการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย การเจรจาจัดทำ FTA เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย
สำหรับฉบับกำลังเจรจา FTA ไทย-อียู ตอนนี้ความคืบหน้าเป็นไปค่อนข้างดี เจรจาแล้ว 5 รอบ รอบที่6 จะเจรจาสิ้นเดือน โดยเจรจาข้อบทต่าง ๆ คืบหน้าไปอย่างได้ดี จาก 20 บาท จบแล้ว 4 บท ขณะที่การเปิดตลาดการค้า จะมีการเจรจา บริการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น ซึ่งตั้งเป้าปิดดีลภายในปี 68 เพื่อช่วยเชื่อมโยงซัพพลายเชนทางเศรษฐกิจ
ด้านไทย-เกาหลี มีความคืบหน้าไปค่อนข้างเยอะ คาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จปี 68 อีกทั้งเกาหลีเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ทำให้เกิดการเจรจาได้บ่อยครั้ง
สำหรับการเจรจายกระดับ FTA ที่มีอยู่ในระดับภูมิภาค ไทยและสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ ได้ลงนามการเจรจายกระดับ FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อยู่ในช่วงให้สัตยาบัน คาดว่าในช่วงเดือนตุลาคมมีผลบังคับใช้
และล่าสุดสามารถสรุปผลการเจรจายกระดับ FTA อาเซียน-จีน ตอนนี้มีเจรจาอัพเกรดเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าจะลงนามในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ในเดือนกันยายน 2568 หรือ อยู่ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน หรือ ASEAN Summit
อาเซียน - แคนาดา อยู่ในขั้นการเจรจาอาจจะยังไม่จบภายในปีนี้ แต่หากฉบับนี้แล้วเสร็จจะเป็นการเปิดประตูการส่งออก
ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA) ตั้งเป้าลงนามภายในปีนี้
อาเซียน-อินเดีย อยู่ขั้นตอนของการเจรตายกระดับ เพื่อปรับปรุงเนื้อหาให้มีความทันสมัยและสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งไทยยังอยู่ระหว่างเจรจาจัดทำ FTA ไทย-เปรู ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการเจรจาเปิดเสรีการค้าสินค้าส่วนที่เหลือร้อยละ 30 และการเปิดเสรีภาคบริการ โดยตั้งเป้าหมายที่จะสรุปผลการเจรจาภายในเดือนสิงหาคม 2568
ส่วนการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Economy Framework: DEFA) มีความคืบหน้าอย่างมาก ตั้งเป้าให้สรุปผลการเจรรจาอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2568 ซึ่งจะถือเป็นความตกลงเศรษฐกิจกิจดิจิทัลระดับภูมิภาคฉบับแรกของโลก มีขอบเขตครอบคลุมประเด็นด้านดิจิทัลอย่างรอบด้าน
รวมถึงประเด็นท้าทายใหม่ ทางการค้าดิจิทัลที่ไทยผลักดันและสามารถหาข้อสรุปได้แล้ว อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีการเงิน (Fin Tech) ความมั่นคงปลอดภัยไขเบอร์ (Cybersecurity) และการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (Anti-Online Scam) เป็นต้น
นอกจากนี้ กรมมีแผนจัดประชุมคณะกรรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ระดับรัฐมนตรีกับคู่ค้าของไทย อาทิ สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ และสหราชอาณาจักร เพื่อกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของสองฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ด้านการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก FTA กรมจะร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สภาเกษตรกรแห่งชาติ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ศอ.บต. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เคสเอ็มตีไทย เดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA และชี้ช่องโอกาส
ทั้งนี้การทำตลาดต่างประเทศ ให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ประกอบการ SMEs ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย บุครพนม ฉะเชิงเทรา ประจวบครันธ์ ตลอดจนการจัดโครงการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย
โดยเฉพาะสินค้าที่สามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปในพื้นที่ ทั้งผลไม้ ชา กาแฟ โกโก้ ผ้าทอ งานหัตถกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ สู่ตลาดการค้าเสรีซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง
สำหรับในปี 2567 (ม.ค.ธ.ค. 2567) การค้าของไทยกับ 18 ประเทศคู่ค้า FTA มีมูลค่า 360.34 พันล้านดอลลาร์ มีสัดส่วนร้อยละ 59.3 ของการค้ารวมของไทย โดยไทยส่งออกไปประเทศคู่ค้า FTA มูลค่า 154.1 พันล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้าจากประเทศคู่ค้า FTA มูลค่า 172.05 พันล้านดอลลาร์
สำหรับในช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.- มีค) ของปี 2568 การค้าของไทยกับประเทศคู่ FTA มีมูลค่าการค้ารวม 96,905 ล้านดอลลาร์ สัดส่วนร้อยละ 60 ของการค้าของไทยทั้งหมด การส่งออกไปประเทศคู่ FTA รวม 45,144 ล้านดอลลาร์ สัดส่วนร้อยละ 55 ของการส่งออกทั้งหมด
การนำเข้าจากประเทศคู่ FTA รวม 51,761 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 64 ของการนำเข้าทั้งหมด สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า ส่วนสินค้าน้ำเข้าสำคัญของไทย
ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มปัจจังการผลิตที่ไทยสามารถนำมาในการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
ที่มา : https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/629896