หน้าแรก / THTI Insight / ข่าวรายวัน / รัฐบาลปลุกความสำเร็จงาน TILOG-LogistiX 2023 รุกอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

รัฐบาลปลุกความสำเร็จงาน TILOG-LogistiX 2023 รุกอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

กลับหน้าหลัก
07.08.2566 | จำนวนผู้เข้าชม 310

รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย หวังขึ้นแท่นศูนย์กลางอาเซียน ลุยสร้างเครือข่ายพันธมิตร จับคู่ทางธุรกิจ แตะ 4 พันล้าน ผ่านงาน TILOG-LogistiX 2023 โชว์นวัตกรรมใหม่ด้านโลจิสติกส์กว่า 415 แบรนด์

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผลให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแก่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์

ทั้งนี้ รัฐบาลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ TILOG-LogistiX 2023 ระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม 2566 ณ อาคาร 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เพื่อเป้าประสงค์ในการสร้างเครือข่ายพันธมิตร จับคู่ทางธุรกิจของผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการโลจิสติกส์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ และภาคการส่งออก ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

สำหรับงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ TILOG – LOGISTIX 2023 เป็นความร่วมมือของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับบริษัท RX Tradex และภาคเอกชน ภายใต้แนวคิด "Smart and Green Logistics for Sustainable Tomorrow : ขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่อนาคตสีเขียวด้วยโลจิสติกส์อัจฉริยะรักษ์โลก" เพื่อเป็นเวทีแสดงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ให้เป็นที่ยอมรับในเวทีการค้าโลก

โดยมุ่งเน้นการปรับตัวในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีโลจิสติกส์ยุคใหม่ พร้อมกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตื่นตัว และให้ความสำคัญกับการปรับตัวภายใต้แนวคิดเรื่อง Green โดยในงานนี้มีผู้จัดแสดงกว่า 415 แบรนด์ จาก 25 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีผู้เข้าชมงานกว่า 9,000 ราย พร้อมตั้งเป้ามูลค่าเจรจาทางธุรกิจกว่า 4,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์โลจิสติกส์ยุคดิจิทัล ที่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ เช่น ระบบวางแผนและจัดการเส้นทางการขนส่งสินค้า ระบบการจัดการคลังสินค้า การรักษาความปลอดภัย รวมทั้งระบบคลังสินค้าอัจฉริยะที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หุ่นยนต์หยิบสินค้าที่เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระทุกแนวในคลังสินค้า และหุ่นยนต์คัดแยกสินค้าและระบบสายพานลำเลียง รถโฟล์คลิฟท์ ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรีลิเธียม เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปัจจุบันรัฐบาลมีแผนปฏิบัติการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อให้ระบบโลจิสติกส์เป็นกลไกที่สำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าที่สำคัญในอนุภูมิภาคและภูมิภาค ประกอบด้วย 5 แนวการพัฒนา ดังนี้

1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก

2. การยกระดับมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าโซ่อุปทาน 

3. การพัฒนาพิธีการศุลกากร กระบวนการนำเข้า – ส่งออกที่เกี่ยวข้อง และการอำนวยความสะดวกในการขนส่งระหว่างประเทศ

4. การพัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย

5. การส่งเสริมวิจัยและพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาบุคลากร และการติดตามผลด้านโลจิสติกส์  ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เเห่งสหประชาชาติด้วย

"นายกรัฐมนตรีมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโครงสร้างของประเทศให้มีศักยภาพเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งเมื่อประกอบกับข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศ เชื่อมั่นว่าไทยจะก้าวเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค

การจัดงานดังกล่าว จะเป็นโอกาสดี เอื้อต่อการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางเศรษฐกิจ การค้า และเพิ่มจำนวนการลงทุนในประเทศ รองรับขีดความสามารถและความพร้อมในการแข่งขันต่อไป" นางสาวรัชดา รองโฆษกรัฐบาล กล่าว

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/economy/572699

 

สิ่งทอ, เศรษฐกิจ, ข่าวรายวัน