สืบสานพระราชดำริ หนุนคนรุ่นใหม่ สวมใส่ผ้าไหมแพรวา
กลับหน้าหลัก
05.08.2561 | จำนวนผู้เข้าชม 2153
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ไม่เพียงแต่ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น “แม่ของแผ่นดิน” แต่ยังทรงเป็น “พระมารดาแห่งผ้าไหมไทย” งานหัตถศิลป์ที่เกือบจะสูญหาย เนื่องจากความนิยมในการสวมผ้าไทยลดลง คนรุ่นใหม่ไม่สืบทอด จึงทรงมีพระราชดำริในการส่งเสริมรักษาผ้าทอไทย โดยทรงเริ่มจากพระองค์เองด้วยการนำผ้าไทยมาตัดเย็บฉลองพระองค์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะด้วยพระอัจฉริยภาพและสายพระเนตรอันยาวไกล จึงทำให้ผ้าไหมไทยกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (มทร. พระนคร) จึงได้สืบสานพระราชดำริในการอนุรักษ์สืบสานและส่งเสริมให้คนไทยสวมใส่ผ้าไทย ด้วยการทำ “โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสาน” นำองค์ความรู้แบบบูรณาการลงพื้นที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับชุมชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
รศ.สุภัทรา โกไศยกานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กล่าวว่า มทร.พระนคร มีปรัชญาประจำมหาวิทยาลัยคือ สร้างคนสู่งาน เชี่ยวชาญเทคโนโลยี สร้างคนดีสู่โลกอาชีพ ไม่เพียงแต่การผลิตบุคลากรให้ก้าวสู่ตลาดแรงงานให้มีความเชี่ยวชาญสายอาชีพของตนเองแล้ว พันธกิจหนึ่งที่สำคัญคือ การบริการวิชาการเพื่อสังคม ซึ่งโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสาน เป็นงานที่ มทร.พระนคร โดย คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น ได้จัดทำขึ้นเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ด้วยการใช้นวัตกรรมและองค์ความรู้ด้านการออกแบบและพัฒนาเพื่อยกระดับผ้าทออีสาน ด้วยการน้อมนำปรัชญาการทรงงานของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร คือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา มาใช้ในการทำงานครั้งนี้ เพื่อเป็นยกระดับผ้าไหมแพรวา ส่งเสริมคุณภาพชีวิตกลุ่มชุมชนทอผ้า ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หันสวมใส่ผ้าไหมแพรวามากขึ้นด้วย
ดร.จรัสพิมพ์ วังเย็น คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร หนึ่งในคณะนักวิจัย “โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสาน” ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวา จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า โจทย์ที่ได้รับคือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าไหมแพรวา ทำอย่างไรให้ผ้าไหมแพรวาขายได้ง่ายขึ้น ซึ่งคณะทำงานกลับมานั่งตีโจทย์กัน พบว่าสิ่งที่เป็นปัญหาทำให้ผ้าไหมแพรขายยาก เนื่องจากความวิจิตรบรรจงของลายผ้าที่ต้องอาศัยทักษะความชำนาญของช่างทอ และเมื่อทอเป็นผืนใหญ่ทำให้ผ้าผืนมีราคาสูงอยู่ เมื่อนำไปตัดชุดสำเร็จจึงส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในการตัดเย็บสูงตามไปด้วย หน้าที่ของเราคือ จะทำอย่างไรให้เสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมแพรวา มีราคาย่อมเยา ตรงความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังคงไว้ซึ่งความสวยงามและเอกลักษณ์ของลวดลายที่สำคัญของผ้าไหมแพรวา ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่เรามองคือ คนทำงานรุ่นใหม่อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป
“สิ่งที่เราทำคือ การออกแบบดีไซน์ นำผ้าไหมแพรวามาเป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ที่ไม่ใช่การนำมาตัดเย็บทั้งผืน เป็นการมิกซ์แอนด์แมทช์ผ้าไหมแพรวากับผ้าทอสีพื้น เช่น ผ้าลินิน มีการวางแพทเทิร์นในการใช้ผ้าไหมแพรวาตรงส่วนปกเสื้อ กระเป๋าเสื้อ หรือส่วนชายกางเกง ส่วนชุดเดรสออกแบบเป็นเสื้อท่อนบนแขนกุดกลัดกระดุมหน้าที่ข้างหนึ่งเป็นผ้าแพรวา ส่วนอีกข้างหนึ่งแป็นผ้าพื้นลินิน หรือดีไซน์เป็นเสื้อคลุมแกนกุดยาวคลุมสะโพกตรงบริเวณบ่าเสื้อเป็นผ้า มามิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงทรงขาเดฟ โดยดีไซน์ออกมาให้มีความเรียบโก้ ยามสวมใส่ก็เคลื่อนไหวได้ง่าย ดูคล่องแคล่วตามสไตล์คนรุ่นใหม่ ที่สามารถสวมใส่ไปทำงานในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้เป็นเวิร์กกิ้ง วูแม่น แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นแฟชั่นนิสต้า
อีกทั้ง สีของลายผ้าไหมแพรวาที่เลือกมาใช้ก็สำคัญ เลือกใช้สีสันสดใส พาสเทลหรือถ้าเป็นสีจัดจ้านของลายแพรวาก็ตัดได้ด้วยความอ่อนหวานของผ้าลินินสีพื้นรวมไปถึงความเหลื่อมของสีเดียวกันแต่หลายเฉดก็ทำให้เกิดลูกเล่นที่น่าสนใจ แต่ยังคงความโดดเด่นของลวดลายผ้าไหมแพรวาไว้อย่างครบถ้วน จึงทำให้ต้นทุนการตัดเย็บไม่สูง สามารถจำหน่ายชุดสำเร็จได้ในราคาย่อมเยา อีกทั้ง ดีไซน์ที่โดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงง่ายต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค”
โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสาน ไม่ได้มีเพียงการพัฒนาผ้าไหมแพรวาเพียงอย่างเดียว ยังมีผ้าซิ่นตีนแพงจากจังหวัดบุรีรัมย์ และผ้าขาวม้าย้อมสีธรรมชาติจากจังหวัดอุบลราชธานี อีกด้วย ซึ่งนำมาประยุกต์ให้เป็นผ้าที่มีรูปแบบการนำเสนอที่เข้ายุคเข้าสมัย ที่จะช่วยให้กลุ่มผู้บริโภคหันมาสวมใส่ หรือเลือกใช้ผ้าทอไทยกันมากขึ้น
“คณะทำงานหวังว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นรากฐานที่จะชุมชนจะสามารถนำไปต่อยอดและสร้างดีไซน์ใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะทำให้ผ้าไหมแพรวาเป็นที่นิยมแพร่หลาย ส่งผลให้ชาวบ้านผู้ทอผ้าไหมแพรวามีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน สมดังพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ในการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงตอบสนองพันธกิจของ มทร.พระนครได้อย่างครบถ้วน”
ทั้งนี้ โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสานด้วยนวัตกรรม เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่จะนำไปจัดแสดงในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2561” หรือ THAILAND RESEARCH EXPO 2018” จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งผู้สนใจเข้าได้ระหว่างวันที่ 9-13 สิงหาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยสืบค้นข้อมูลก่อนชมงานได้ที่ www.researchexpo.nrct.go.th และ www.nrct.go.th ที่สำคัญงานนี้เข้าชมฟรี
ผ้าไหม แพรวา