
อัญมณีและเครื่องประดับฟื้นตัว 70% รายได้ทะลุ 25,000-30,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 กำลังซื้อตลาดในประเทศ-ส่งออกคึกคัก ความต้องการสูง คู่ค้าทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน แห่เข้าพื้นที่ซื้อ-ขายพลอย ทำราคาตลาดพลอยถนนศรีจันทร์ พลอยเนื้ออ่อนมูลค่าซื้อ-ขาย 200-300 ล้านบาทต่อวัน สมาคมผู้ค้าอัญมณีฯหนุนรัฐเปิดประมูลพลอยก้อนในประเทศ
“อัญมณีและเครื่องประดับ” สินค้าส่งออกที่ทำรายได้อันดับ 3 จ.จันทบุรี ศูนย์กลางเมืองอัญมณี ซื้อ-ขายเกือบเท่าช่วงก่อนยุคโควิด แตะ 25,000-30,000 ล้านบาท หลังสถานการณ์คลี่คลาย เปิดประเทศ การซื้อขายวัตถุดิบ พลอยก้อน พลอย และเครื่องประดับคึกคัก
ไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้ประมาณ 21,000 ล้านบาท ตลาดพลอยถนนศรีจันทร์ฟื้นตัว 70-80% พ่อค้าหน้าใหม่จีนแห่ซื้อพลอยอ่อนสร้างบรรยากาศการแข่งขันโต๊ะพลอย วงเงินซื้อขายมูลค่าวันละ 200-300 ล้านบาท
นายชายพงษ์ นิยมกิจ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จ.จันทบุรี และกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2566 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของจังหวัดจันทบุรีมีแนวโน้มมูลค่าการค้าเติบโตใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท
หลังจาก 2 ปีช่วงโควิด-19 รายได้ลดต่ำมาก และเริ่มฟื้นตัวกลับมาช่วงปี 2565 หลังเปิดประเทศ ทำให้คู่ค้าจากต่างประเทศ ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน เดินทางเข้ามาซื้อขายพลอย และมีการจัดเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับ ทำให้ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับฟื้นตัวกลับมา 70% มีรายได้ประมาณ 21,000 ล้านบาท
ส่วนตลาดพลอยถนนศรีจันทร์ จ.จันทบุรี เฉพาะแหล่งย่านการค้าพลอยในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตลาดฟื้นตัวประมาณ 70-80% ชาวต่างชาติจีนทะลักมาเปิดแผงรับซื้อหนาตา โดยเฉพาะพลอยเนื้ออ่อน มูลค่าซื้อ-ขายวันละ 200-300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงโควิดความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับยังมีสูง และราคาไม่ได้ลดต่ำลง เพียงแต่การซื้อ-ขายถูกจำกัด แต่หลังโควิด-19 สภาวะเศรษฐกิจของต่างประเทศฟื้นตัว ทำให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มขึ้น และมีการจัดงานส่งเสริมการขาย อาทิ Bangkok Gems and Jewelry Fair 2022 Thailand Gems&Jewelry Fair 2023 Jewellry and Gems ASEAN Bangkok (JGLB ) ทำให้บรรยากาศการซื้อ-ขายเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
โดยเฉพาะงานอัญมณีจัดที่ตลาดฮ่องกง (Hong Kong Jewelry&Gems Fair) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีบูทผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมมากกว่า 300 บูท ได้รับการตอบรับจากนานาชาติดีมาก พลอย เครื่องประดับอัญมณีราคาสูงไม่มีตก มีการต่อรองราคากันน้อยมาก เนื่องจากปริมาณความต้องการสูงอั้นไว้ในช่วงโควิด และวัตถุดิบพลอยน้อยลง
โดยเฉพาะพลอยเจียระไนแล้วต้องนำเข้าวัตถุดิบ พลอยทับทิม พลอยน้ำเงิน อินเดียมีความต้องการสูง ทำให้ปริมาณการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ แม้ว่าเริ่มมีการนำพลอยก้อนเข้ามาแต่ยังไม่เพียงพอ
“ความต้องการบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับเติบโตมาโดยตลอด ตามภาวะเศรษฐกิจโลก มีกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ระดับกลาง และระดับรายได้สูง ที่ต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มไม่ได้ลดลง อย่างตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่ลดลงช่วงโควิด-19 ช่วงนี้ก็กลับมา และมีตลาดจีนมาเพิ่ม ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น ตลาดฟื้นตัวได้เร็ว กลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ที่มีมูลค่า 25,000-30,000 ล้านบาท/ปี” นายชายพงษ์กล่าว
นายชายพงษ์กล่าวต่อไปว่า ตลาดค้าพลอย จ.จันทบุรี เติบโต แต่มีปัญหาขาดแคลนพลอยก้อน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญต้องนำเข้าจากแอฟริกาตะวันตก เช่น โมซัมบิก ไนจีเรีย มาดากัสการ์ เคนยา ดังนั้น ภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน ต้องแก้ปัญหาด้วยการส่งเสริมการนำพลอยก้อนที่เป็นวัตถุดิบสำคัญนำมาเปิดประมูลที่จันทบุรี เพื่อดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ
ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในไทย 80% ต้องไปประมูลพลอยก้อนที่ประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูง ถ้าจัดประมูลในจันทบุรีจะช่วยส่งเสริมตลาด SMEs ได้ในวงกว้าง และโอกาสที่อัญมณีไทยจะเป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนของโลกมีสูง เพราะจันทบุรีมีระบบการผลิตครบวงจร ทั้งวัตถุดิบ โรงงาน แรงงานที่มีฝีมือในการเผา เจียระไนพลอย ต้องพัฒนาคนรุ่นใหม่ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการแข่งขันในตลาดโลก ใช้วัตถุดิบที่ราคาแพงให้น้อยลง เช่น การทำจิวเวลรี่ ญี่ปุ่นใช้ทอง 0.8-2 กรัม แต่ช่างไทยใช้ถึง 4 กรัม ทำให้สู้ราคาในการแข่งขันไม่ได้
สอดคล้องกับความเห็นของนายธิติ เอกบุญยืน ที่ปรึกษาสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จ.จันทบุรี และประธานสภาอุตสาหกรรม จ.จันทบุรี ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ประเทศคู่ค้าพลอยเดิม ทั้งอินเดีย ยุโรป ตะวันออกกลาง ฮ่องกง จีน ปรับเปลี่ยนนโยบายสู่ปกติ รวมทั้งมีการจัดอีเวนต์ตลาดพลอยอัญมณีในประเทศ และตลาดฮ่องกงเปิด ทำให้ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรีฟื้นตัวแล้วประมาณ 60-70%
สำหรับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ 80% เป็นพลอยเนื้อแข็ง คือพลอยแดง (ทับทิม) ไพลิน (น้ำเงิน) ที่วัตถุดิบมีน้อย พลอยแดงพ่อค้ารายใหญ่ประมูลลอตใหญ่ ๆ ไป รายเล็กเข้าไม่ถึง ส่วนการจัดประมูลพลอยก้อนน่าจะทำได้ยาก คงทำได้ไม่ง่ายนัก การจัดประมูลในกรุงเทพมหานครมีความสะดวกและมีความพร้อมมากกว่า
ส่วนตลาดพลอยศรีจันทร์มีความคึกคักมากขึ้น จากผู้ซื้อขายส่วนใหญ่ทั้ง ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย ปากีสถาน ตอนนี้มีพ่อค้าชาวจีนเข้ามามากขึ้นและเป็นผู้ซื้อหน้าใหม่ ทำให้การแข่งขันในตลาดมากขึ้น ส่วนใหญ่จะซื้อพลอยเนื้ออ่อนจากแอฟริกาที่ราคาไม่สูงนัก เช่น ทัวร์มาลีน อความารีน รูบี้” นายธิติกล่าว
ทางด้านแหล่งข่าวจากโรงงานเจียระไนพลอยใน จ.จันทบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” เพิ่มเติมว่า โรงงานเจียระไนพลอยขาดแคลนวัตถุดิบ และปรับเปลี่ยนมารับงานผลิตจิวเวลรี่ตามออร์เดอร์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่และภาครัฐต้องส่งเสริมให้มีการนำเข้าพลอยก้อนที่เป็นวัตถุดิบ ให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้าถึง
สำหรับภาพรวมตลาดพลอย แหล่งข่าวฉายภาพว่า พ่อค้าจีนจะกล้าได้กล้าเสีย ใจถึงมากกว่าอินเดีย ปากีสถาน ทำให้มีการแข่งขันราคามากขึ้น มีการสู้ราคากันมากกว่าการซื้อ-ขายในห้างร้านหรือในออฟฟิศ บางรายมาเช่าอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทำเป็นห้างค้าพลอย เพื่อแบ่งพื้นที่ให้เช่าโต๊ะ ๆ ละ 3,000-4,000 บาท/เดือน จัดให้กลุ่มคนจีนมาใช้พื้นที่เพื่อจะจัดทัวร์คนจีนมาซื้อ คล้ายรูปแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ”
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สอบถามไปยังโต๊ะค้าพลอย ตลาดพลอย จันทบุรี ส่วนใหญ่ตอบตรงกันว่า ตลาดน่าจะกลับมาได้ 70% โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อค้าพลอยชาวจีน เดินทางเข้ามาซื้อพลอยที่ตลาดมากขึ้น แต่ปัญหาคือ พฤติกรรมการซื้อขายพลอยของจีนจะกดราคาพลอยมาก ยกตัวอย่าง กะรัตละ 1,000 บาท ก็ต่อรองเหลือแค่ 200-300 บาท หรือกดราคารับซื้อต่ำกว่าร้อยละ 60-70 ส่งผลให้เด็กเดินพลอย โต๊ะค้าพลอย มีรายได้จากการขายพลอยลดลงไปมาก
ที่มา : https://www.prachachat.net/local-economy/news-1266356