
แบรนด์ ASICS ของญี่ปุ่นตั้งเป้าให้อินเดียเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าไปทั่วโลก
บริษัท ASICS ซึ่งเป็นบริษัทชุดกีฬาของญี่ปุ่น (Anima Sana In Corpore Sano) วางแผนที่จะผลิตสินค้าของบริษัท คิดเป็นร้อยละ 30 ในอินเดียเพื่อการค้าปลีกในอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะเปิด Shop ASICS ภายในปี พ.ศ. 2569 ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขึ้นแท่นเป็นอันดับ 3 ประเภทสินค้าสำหรับกีฬาวิ่งในตลาดอินเดีย ภายในปี พ.ศ. 2569 ด้วยเช่นกัน
Rajat Khurana, managing director, ASICS India, and CEO Yasuhito Hirota
Credit Picture: https://www.forbesindia.com/article/leadership/how-pursuit-of-fitness-is-helping-asics-build-its-india-business/82617/1
อินเดีย: ตลาดที่โดนเด่นมาก
1) มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ
2) มีศักยภาพและความเป็นไปได้สูงในตลาดอินเดียเนื่องจากขนาดของประชากร
3) บริษัทฯ จะใช้อินเดียเป็นศูนย์กลางการจัดหา (Sourcing Hub) จากทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมาจากจีนและเวียดนาม
ASICS เข้าสู่อินเดียเมื่อปี พ.ศ. 2558 ปัจจุบันสินค้าของบริษัทประมาณร้อยละ 22 ถูกผลิตขึ้นในอินเดีย แต่ภายใต้นโยบายการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ของอินเดีย บริษัทฯ จะไม่สามารถเปิด Shop ASICS ได้จนกว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอินเดียถึงร้อยละ 30
ขณะเดียวกัน ASICS มีแผนที่จะส่งเสริมวัฒนธรรมการวิ่งในอินเดีย และเห็นว่าเป็นโอกาสทางการตลาดขนาดใหญ่ และยังเป็นโอกาสสำคัญในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมกีฬาวิ่งอีกด้วย ทั้งนี้ จากรายงานการวิจัยของบริษัทฯ แสดงให้เห็นว่า มีนักวิ่งกว่า 100 ล้านคนในอินเดีย ซึ่งเท่ากับจำนวนประชากรของญี่ปุ่น และทำให้อินเดียกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ของสินค้าในกลุ่มรองเท้าวิ่ง ดังนั้น บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นไปที่ตลาดกีฬาวิ่ง รวมถึงเทนนิสและคริกเก็ตในอินเดีย ซึ่งบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งในประเทศ
ปัจจุบัน ASICS มีร้านค้า 81 แห่งในอินเดีย และอีก 2 แห่งในศรีลังกาผ่านเครือข่ายแฟรนไชส์ และวางแผนที่จะเพิ่มร้านค้าอีก 20-22 แห่งภายในปี พ.ศ. 2566 นี้ โดยวางแผนที่จะขยายการจำหน่ายทุกช่องทางในอินเดีย นอกจากการเปิดร้านที่เป็นโมโนแบรนด์เพิ่มอีก 22 แห่ง บริษัทฯ จะเพิ่มจุดขายจาก 700 แห่งเป็น 850 แห่ง รวมทั้งช่องทางดิจิทัลด้วย ทั้งนี้ ส่วนแบ่งยอดขายดิจิทัลในรายได้ของบริษัทสูงถึงร้อยละ 40 จากร้อยละ 25 ก่อนเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 และบริษัทกำลังลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีสัดส่วนเพิ่มถึงร้อยละ 50 ซึ่งรายได้ของ ASICS โดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2564-2565 ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะรักษาอัตราการเติบโตในระดับนี้ในปีงบการเงินประจำปีนี้ด้วยเช่นกัน เป็นผลสืบเนื่องจากในประเทศอินเดียมีความต้องการของตลาดอยู่ในเกณฑ์สูง
นอกจากนี้ จากบทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2573 อินเดียจะมี GDP ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งย่อมส่งผลดีให้แก่ธุรกิจโดยอัตโนมัติ และด้วยขนาดประชากร 1.39 พันล้านคน จึงทำให้อินเดียเป็นหนึ่งในตลาดต่างประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดและใหญ่ที่สุดสำหรับบริษัทรองเท้าแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Reebok, Adidas, Nike และ Puma ซึ่งดำเนินธุรกิจในอินเดียมากกว่าสองทศวรรษแล้ว หลายแบรนด์เติบโตขึ้นโดยความร่วมมือกับแบรนด์กีฬาคริกเก็ตและกิจกรรมกีฬาอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นรายใหม่ในตลาดวางตำแหน่งให้เป็นไลฟ์สไตล์ที่สะดวกสบายและเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาทั่วไป
ในมิติด้านนโยบายรัฐบาลอินเดียส่งเสริมการลงทุนและการเข้ามาดำเนินธุรกิจจากต่างประเทศอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอินเดียได้ผ่อนคลายกฎระเบียบที่เคยเข้มงวดมากบางอย่างลง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องดีสำหรับบริษัทต่างชาติที่สนใจจะเข้าดำเนินธุรกิจในอินเดีย แม้ว่าขณะนี้อินเดียยังไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรกของตลาด ASICS แต่ด้วยแผนกการขยายธุรกิจ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าให้อินเดียเป็น 10 ตลาดอันดับแรกของบริษัทฯ ภายในปี พ.ศ. 2573 แม้ว่าบริษัทฯ ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุน เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและอัตราเงินเฟ้อ แต่บริษัทฯ ยังไม่ส่งต่อภาระไปยังผู้บริโภคทั้งหมด เนื่องจากอินเดียเป็นตลาดที่อ่อนไหวต่อราคาอย่างมาก และมิติด้านแผนการลงทุนของบริษัทฯ ประกอบด้วย การเปิดตัวเว็บไซต์ของบริษัทฯ ในอินเดีย การพัฒนาให้ร้านค้าปลีกเป็นระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค และกำหนดเป้าหมายเชื่อมโยงกับสมาคมกีฬาต่าง ๆ ผู้เล่นกีฬา และดาราบอลลีวูด รวมถึงการลงทุนในสมาคมมาราธอนเพื่อขยายการเข้าถึงแบรนด์ในอนาคต
----------------------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล :
1) แบรนด์ ASICS ของญี่ปุ่นตั้งเป้าให้อินเดียเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าไปทั่วโลก. [ออนไลน์] 2566. [สืบค้นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566]. สืบค้นจาก : https://ditp.go.th/contents_attach/959271/959271.pdf
2) www.economictimes.com “Japan’s ASICS plans to use India as global sourcing hub” 14 มกราคม 2566
3) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน ประเทศอินเดีย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์