หน้าแรก / THTI Insight / ข้อมูล นำเข้า-ส่งออก / สถานการณ์ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2565

สถานการณ์ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2565

กลับหน้าหลัก
14.09.2565 | จำนวนผู้เข้าชม 936

สถานการณ์ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย เดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2565

การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยตามพิกัดอัตราศุลกากรตอนที่ 71* ในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2565 เติบโตสูงขึ้น ร้อยละ 76.33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2564 ที่มีมูลค่า 5,545.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่9,778.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็น สินค้าส่งออกในอันดับที่ 3 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.66 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ หากนำมูลค่าดังกล่าวข้างต้นหักออกด้วยการ ส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 4,439.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 36.16 อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ) รายเดือน พบว่า เดือนกรกฎาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.64 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2565

ตารางที่ 1  มูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2564 และปี 2565

ที่มา : กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

สถานการณ์การส่งออก

สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดในรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ คือ ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป โดยมีสัดส่วน ร้อยละ 54.60 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยโดยรวม ซึ่งมีมูลค่าสูงขึ้นร้อยละ 133.64 แม้ว่าราคาทองคำโดยเฉลี่ยในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่เดือนเมษายนมาอยู่ที่ระดับ 1,736.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (https://www.kitco.com) ในเดือนกรกฎาคม แต่ความต้องการทองคำยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง จากปัจจัยความเสี่ยงอย่างอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และหลาย ประเทศเศรษฐกิจในยุโรปอยู่ในระดับสูง จากปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งที่ยังไม่มีข้อยุติของรัสเซีย-ยูเครน และความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ เป็นปัจจัยกดดันให้มีการโยกย้ายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.75 สู่ระดับร้อยละ 2.25-2.50 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากเดือนก่อน แต่ยังมีเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอย่างต่อเนื่อง

เครื่องประดับแท้ เป็นสินค้าส่งออกในอันดับ 2 ในสัดส่วนร้อยละ 22.44 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.58 โดยสินค้าส่งออกหลัก คือ เครื่องประดับทองที่สามารถเติบโตได้ร้อยละ 48.39 จากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิตาลีตลาดหลักทั้ง 5 อันดับแรก ได้สูงขึ้นร้อยละ 40.90, ร้อยละ 56.99, ร้อยละ 22.18, ร้อยละ 13.77 และร้อยละ 112.51 ตามลำดับ การส่งออกเครื่องประดับเงิน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.65 จากการส่งออกไปยังเยอรมนี สหราชอาณาจักร และอินเดีย ตลาดสำคัญในอันดับที่ 2-4 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.18, ร้อยละ 71.80 และร้อยละ 2,840.97 ตามลำดับ ส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ตลาดในอันดับ 1 และ 5 ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.92 และร้อยละ 14.88 ตามลำดับ ส่วนการส่งออกเครื่องประดับแพลทินัม หดตัวลงร้อยละ 12.64 จากการส่งออกไปยังตลาดในอันดับ 1-4 อย่างญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ต่างปรับตัวลงร้อยละ 0.36, ร้อยละ 26.18, ร้อยละ 22.36 และ ร้อยละ 36.82 ตามลำดับ ขณะที่ฮ่องกง ตลาดอันดับที่ 5 ขยายตัวได้ร้อยละ 1.54 

เพชร เป็นสินค้าส่งออกรายการสำคัญในอันดับ 3 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.86 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณี และเครื่องประดับไทย มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.51 โดย เพชรเจียระไน เป็นสินค้าส่งออกหลักในหมวดนี้ ขยายตัวได้ร้อยละ 55.21 เนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดในอันดับ 1 และ 3-5 อย่างอินเดีย เบลเยียม สหรัฐอเมริกา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 121.88, ร้อยละ 31.70, ร้อยละ 116.88 และร้อยละ 3.02 ตามลำดับ ส่วนการส่งออกไปยังฮ่องกง ตลาดในอันดับที่ 2 ลดลงร้อยละ 4.33

พลอยสี เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 4 มีสัดส่วนร้อยละ 5.98 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยรวมของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.32 โดยสินค้าส่งออกหลักในหมวด นี้เป็น พลอยเนื้อแข็งเจียระไน (ทับทิม แซปไฟร์ และมรกต) ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 65.78 จากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลีและฝรั่งเศส ตลาดทั้ง 5 อันดับแรก ขยายตัวได้ร้อยละ 149.15, ร้อยละ 2.40, ร้อยละ 216.54, ร้อยละ 52.45 และร้อยละ5.40 ตามลำดับ ส่วน พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.31 จากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลักใน 4 อันดับแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 212.60, ร้อยละ 24.26, ร้อยละ 36.10 และร้อยละ 2.67 ตามลำดับ มีเพียงการส่งออกไปยังฝรั่งเศสตลาดอันดับ 5 ที่ลดลงร้อยละ 34.45

เครื่องประดับเทียม เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 5 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.94 ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.10 จากการส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั้ง 5 อันดับแรกอย่างสหรัฐอเมริกา ลิกเตนสไตน์ ฮ่องกง ฝรั่งเศส และสิงคโปร์ต่างเติบโตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.07, ร้อยละ 70.36, ร้อยละ 21.10, ร้อยละ 26.31 และร้อยละ 46.40 ตามลำดับ 

มูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ) ในช่วงมกราคม-กรกฎาคมของปี 2565 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการผ่อนปรนการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้มีการท่องเที่ยวเดินทางคลายความกดดันในการใช้ชีวิตของผู้คนโดยรวม ทำให้มีแรงซื้อในสินค้าอื่น ๆ นอกจาก สินค้าอุปโภคบริโภคเข้ามาต่อเนื่อง รวมทั้งการที่ค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทย ปัจจัยบวกสำคัญขณะนี้จึงมาจากการบริโภคภาคเอกชนและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ทำให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยไทยส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั้ง 10 อันดับแรก อย่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย ฮ่องกง เยอรมนี สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ญี่ปุ่น และอิตาลีล้วนมีมูลค่าสูงขึ้นร้อยละ 37.07, ร้อยละ 142.36, ร้อยละ 1.81, ร้อยละ 17.70, ร้อยละ 57.90, ร้อยละ 95.82, ร้อยละ 33.56, ร้อยละ 11.07, ร้อยละ 11.36 และร้อยละ 72.78 ตามลำดับ

ตารางที่ 2 มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยรายสินค้าในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2564 และปี 2565

ที่มา : กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

มูลค่าการส่งออกไปยัง สหรัฐอเมริกา ที่มีการเติบโตขึ้นนั้น เนื่องมาจากการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็ง และเนื้ออ่อนเจียระไน เพชรเจียระไน ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.90, ร้อยละ 149.15, ร้อยละ 212.60 และร้อยละ 116.88 ตามลำดับ ส่วนเครื่องประดับเงิน ปรับตัวลงร้อยละ 3.92

การส่งออกไปยัง อินเดีย ยังสามารถขยายตัวได้ดี เพราะการส่งออกสินค้าหลักอย่างเพชรเจียระไน ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 73 รวมทั้งสินค้าสำคัญรองลงมาอย่างเครื่องประดับเงิน โลหะเงิน และอัญมณีสังเคราะห์ ล้วนเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 121.88, ร้อยละ 2,840.97, ร้อยละ 90.30 และร้อยละ 543.95 ตามลำดับ

ขณะที่การส่งออกไปยัง ฮ่องกง ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการอย่างเครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็ง และเนื้ออ่อนเจียระไน เครื่องประดับเทียม และเครื่องประดับเงิน ได้สูงขึ้นร้อยละ 22.18, ร้อยละ 2.40, ร้อยละ 24.26, ร้อยละ 21.10 และร้อยละ1.41 ตามลำดับ มีเพียงสินค้าหลักอย่างเพชรเจียระไนที่หดตัวลงร้อยละ 4.33 

ส่วนการส่งออกไปยัง เยอรมนี ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับเงิน เศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่า เครื่องประดับทอง รวมทั้งพลอยเนื้อแข็งและเนื้ออ่อนเจียระไน ล้วนขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 11.18, ร้อยละ 29.45, ร้อยละ 119.36, ร้อยละ 324.19 และร้อยละ 46.74 ตามลำดับ

สำหรับการส่งออกไป สหราชอาณาจักร ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น เนื่องมาจากการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างเครื่องประดับเงินและเครื่องประดับทอง ที่มีสัดส่วนรวมกันราวร้อยละ 81 รวมทั้งสินค้าลำดับถัดมาอย่างพลอยเนื้อแข็งและเนื้ออ่อนเจียระไน และเครื่องประดับเทียมต่างปรับตัวขึ้นร้อยละ 71.80, ร้อยละ 56.99, ร้อยละ 106.83, ร้อยละ 161.89 และร้อยละ 5.34 ตามลำดับ 

ส่วนการส่งออกไปยัง สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งขยายตัวได้นั้น มาจากการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างโลหะเงิน พลอยเนื้อแข็งและ เนื้ออ่อนเจียระไน และเครื่องประดับทอง ได้สูงขึ้นร้อยละ 49.36, ร้อยละ 216.54, ร้อยละ 36.10 และร้อยละ 183.91 ตามลำดับ

สำหรับการส่งออกไปยัง เบลเยียม ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น เป็นผลจากการส่งออกสินค้าหลักอย่างเพชรเจียระไน ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 85 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.70 รวมทั้งสินค้าลำดับถัดมาอย่างพลอยเนื้อแข็งและเนื้ออ่อนเจียระไน และเครื่องประดับเทียม ได้สูงขึ้นร้อยละ 4.03, ร้อยละ 16.82 และร้อยละ 1,024.70 ตามลำดับ

การส่งออกไปยัง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เติบโตได้นั้น เนื่องจากการส่งออกเครื่องประดับทอง เพชรเจียระไน พลอยเนื้อแข็งและเนื้ออ่อนเจียระไน ขยายตัวได้ร้อยละ 13.77, ร้อยละ 3.02, ร้อยละ 23.22 และร้อยละ 217.72 ตามลำดับ 

มูลค่าการส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างเครื่องประดับทอง เพชรเจียระไน และเครื่องประดับเงิน ได้สูงขึ้นร้อยละ 20.06, ร้อยละ 26.62 และร้อยละ 17.64 ตามลำดับ

ขณะที่ส่งออกไปยัง อิตาลี ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างเครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพชรเจียระไน และเครื่องประดับเงิน ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 112.51, ร้อยละ 52.45, ร้อยละ 47.60 และร้อยละ 16.45 ตามลำดับ

แผนภาพที่ 1 ตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ) ในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2565

ที่มา : กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

บทสรุป

มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคมปีนี้ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.33 แต่หากพิจารณาถึงมูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย เมื่อไม่รวมการส่งออกทองคำ พบว่า มีมูลค่าสูงขึ้นร้อยละ 36.16 และหากพิจารณาถึงมูลค่าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เมื่อหักออกด้วยมูลค่าการส่งออกทองคำและมูลค่าสินค้าส่งกลับจากต่างประเทศ พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.88 มีรายละเอียดดังตารางที่ 3

ตารางที่ 3 มูลค่าการส่งออกสุทธิของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม ปี 2564 และปี 2565

ที่มา : กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงของไทย (ไม่รวมทองคำ) ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ที่เติบโตนั้น เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจสำคัญหลายประเทศทยอยฟื้นตัว โดยมีการบริโภคภาคเอกชนที่ทยอยฟื้นตัวจากสถานการณ์ที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการใช้จ่ายสินค้าอื่น ๆ นอกจากสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น และการฟื้น ตัวของภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ มีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและสร้างความรู้สึกเชิงบวกต่อการบริโภค รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ โดยเฉพาะในตลาดสำคัญของไทยทั้งตลาดสหรัฐอเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยส่งเสริมการส่งออกของไทย รวมทั้งสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับทำให้สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง สำหรับสินค้าที่มีความโดดเด่นของไทย คือ เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง เครื่องประดับเทียม รวมทั้งเพชรเจียระไน พลอยเนื้อแข็งและเนื้ออ่อนเจียระไน

ในภาพรวมนั้น เศรษฐกิจโลกในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 ยังสามารถเติบโตได้ดีจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการบริโภคที่มีอุปสงค์เข้ามาต่อเนื่อง แต่เริ่มมีสัญญาณการชะลอ ตัวจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาลดลงในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป โดยเฉพาะประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เช่นเดียวกับ ในเอเชียทั้งญี่ปุ่นและจีนที่หดตัวลง แต่ขณะเดียวกันตัวเลข PMI ของอินเดียและไทยยังขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ ตัวเลข GDP ของสหรัฐซึ่งติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค อีกทั้ง World Bank ยังปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกปี 2565 เหลือเพียงร้อยละ 2.9 ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรจับตามองยังคงมีอยู่ทั้งสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับลดกำลังการผลิตของ โอเปค สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นสถานการณ์หลักที่มีโอกาสสร้างผลเชิงลบให้เกิดขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

ทั้งนี้สถานการณ์ในรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ ยังขยายตัวได้จากปัจจัยบวกที่ต่อเนื่องมาหลายประการ ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของตลาดที่สำคัญเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องด้วยยัง มีความเสี่ยงหลายประการที่กระทบต่อภาคธุรกิจ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรมีแนวทางที่ชัดเจนในการสื่อสารการตลาด ไม่สื่อสารแบบกระจายไร้ทิศทางสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน มีสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้รวดเร็ว ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดที่มีแนวโน้มชะลอตัว รวมทั้งเพิ่มการค้ากับตลาดตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีจากความได้เปรียบในการส่งออกน้ำมัน น่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งช่วยให้ธุรกิจฝ่าคลื่นลมในครั้งนี้ไปได้


ศูนยข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

กันยายน 2565



*พิกัดอัตราศุลกากรตอนที่ 71 ว่าด้วย “ไข่มุกธรรมชาติหรือไข่มุกเลี้ยง รัตนชาติหรือกึ่งรัตนชาติ โลหะมีค่า โลหะที่หุ้มติดด้วยโลหะมีค่า และของที่ทำด้วยของดังกล่าว เครื่องเพชรพลอย และรูปพรรณที่เป็นของเทียม เหรียญกษาปณ์”

นำเข้าส่งออกอัญมณี, อุตสาหกรรม, อัญมณีและเครื่องประดับ, GIT, สถานการณ์, การส่งออก, Export, ปี 2565, สะสม 7 เดือน, กรกฎาคม, GIT Information Center