หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและการส่งออกของเมียนมาร์ในปี 2564

ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและการส่งออกของเมียนมาร์ในปี 2564

กลับหน้าหลัก
08.09.2564 | จำนวนผู้เข้าชม 987

ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและการส่งออกของเมียนมาร์ในปี 2564

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออกของเมียนมาร์ 

ข้อมูลทางสถิติจากฐานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (UN Comtrade) แสดงให้เห็นว่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์คิดเป็นร้อยละ 69 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของประเทศในปี 2563 ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับร้อยละ 27 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของประเทศในปี 2554 ข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (ISIC 17 & 18) ของเมียนมาร์มีการจ้างงานมากกว่า 1.1 ล้านคนในปี 2562 เพิ่มขึ้นจาก 0.69 ล้านคนในปี 2558 ซึ่งคนงานในโรงงานตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง (ประมาณร้อยละ 87)

ตารางที่ 1 ตลาดส่งออกเครื่องนุ่งห่มที่สาคัญของเมียนมาร์

ที่มา : ฐานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (2021)

สหรัฐฯ ยกเลิกการห้ามนำเข้าบางรายการจากเมียนมาร์ สหภาพยุโรปคืนสิทธิประโยชน์ทางการค้าให้แก่พม่าตั้งแต่ปี 2556 และเมียนมาร์เป็นแหล่งจัดหาเครื่องนุ่งห่มที่สำคัญของแบรนด์แฟชั่น 

จากข้อมูลของ Global Data แสดงให้เห็นว่า ในช่วงระหว่างปี 2558 ถึง 2562 การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ไปยังตลาดโลกมีการเติบโตร้อยละ 57 ต่อปี การส่งออกเครื่องนุ่งห่มไปยังสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกามีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่ร้อยละ 97 และร้อยละ 78 ต่อปี ตามลำดับ

ตั้งแต่ปี 2020 ถึงกรกฎาคม 2021 แบรนด์แฟชั่นชั้นนำมีการผลิตเครื่องนุ่งห่มที่ Made in Myanmar อาทิ United Colours of Benetton, Next, Only, H&M, Guess และ Jack & Jones

เหตุผลที่แบรนด์แฟชั่นจัดหาเครื่องนุ่งห่มจากเมียนมาร์
การลงทุนจากต่างประเทศ (หมายเหตุ: โรงงานตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มในเมียนมาร์เกือบครึ่งเป็นโรงงานของชาวต่างชาติ) เมียนมาร์มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องนุ่งห่มที่มีคุณภาพสูง เช่น เสื้อแจ็กเก็ตและเสื้อโค้ต เป็นต้น ในขณะที่ประเทศผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มอื่น ๆ เช่น บังกลาเทศ เวียดนาม และกัมพูชา ส่งออกเครื่องนุ่งห่มที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ
องค์การการค้าโลกกำหนดให้เมียนมาร์เป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จากสิทธิประโยชน์ดังกล่าวส่งผลให้การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ส่วนใหญ่จึงส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ร้อยละ 56 ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ร้อยละ 30
สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญอีกแห่งสำหรับเมียนมาร์ คิดเป็นร้อยละ 7 ของการส่งออกเครื่องนุ่งห่มทั้งหมดของประเทศในปี 2563 โดยได้รับประโยชน์จากโครงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) การส่งออกกระเป๋าเดินทางของเมียนมาร์ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี แต่อย่างไรก็ตามโครงการ GSP ไม่รวมผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งหมายความว่าการส่งออกเครื่องแต่งกายของเมียนมาร์ไปยังสหรัฐฯ ยังคงต้องเสียภาษีอัตราปกติของ Most-Favored-Nation (MFN) ที่ร้อยละ 14.3 ในปี 2563
 ระดับค่าจ้างในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์อยู่ในระดับต่ำที่สุดในโลก โดยมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 95 เหรียญต่อเดือน

แม้จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วแต่เมียนมาร์ยังคงมีส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยในการจัดหาของบริษัทแฟชั่นเนื่องจากผลกระทบด้านขนาด 

เมียนมาร์มีประชากร 55 ล้านคน มีโรงงานตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มกว่า 500 โรงงาน เมื่อเทียบกับบังกลาเทศที่มีโรงงานตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มเกือบ 5,000 โรงงาน เวียดนาม 6,000 โรงงาน และจีนที่มีมากกว่า 100,000 โรงงาน ในปี 2563 ในขณะที่การนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปมีการนำเข้าที่มาจากเมียนมาร์น้อยกว่าร้อยละ 1 

เมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ การผลิตเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์พึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์และการนำเข้าสิ่งทอมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญในช่วงระหว่างปี 2556 - 2563 โดยในปี 2563 การนำเข้าสิ่งทอของเมียนมาร์เกือบร้อยละ 97 มาจากประเทศในเอเชีย และการนำเข้าร้อยละ 83 มาจากประเทศจีน

ผลกระทบของโควิด-19 ต่อการส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ 

ข้อมูลของ UNComtrade แสดงให้เห็นว่า การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้การส่งออกลดลงร้อยละ 5.7 ในปี 2563 แต่ลดลงน้อยกว่าประเทศผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มส่วนใหญ่ในเอเชีย อาทิ เวียดนาม ลดลงร้อยละ 7.4 จีน ลดลงร้อยละ 6.6 บังกลาเทศ ลดลงร้อยละ 15.1 กัมพูชา ลดลงร้อยละ14.3 อินโดนีเซีย ลดลงร้อยละ 16.1 และอินเดีย ลดลงร้อยละ 24.4 รวมถึงประเทศในกลุ่ม LDC ที่การส่งออกเครื่องนุ่งห่มลดลงมากถึงร้อยละ 15.6

การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ไปยังตลาดสหรัฐฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากข้อมูลของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า มูลค่าการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯ (HTS chapters 61 และ 62) จากเมียนมาร์เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 20.6 ในปี 2563 ในขณะที่การนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐโดยรวมลดลงร้อยละ 23 ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ไปยังสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 40 ประกอบด้วย HS 6210 เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.5, HS 6108 เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.5, HS 6201 เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.1 และ HS 6103 เพิ่มขึ้นร้อยละ 90.5 ข้อมูลยังแสดงให้เห็นอีกว่าการนำเข้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเมียนมาร์มากกว่าจีนและเวียดนาม

ระยะเวลาของการล็อกดาวน์ที่สั้นลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความยืดหยุ่น จากการศึกษาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) พบว่า โรงงานตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มในเมียนมาร์บางแห่งปิดกิจการชั่วคราวระหว่างวันที่ 12 - 30 เมษายน 2563 และกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2563 การปิดดังกล่าวกินเวลานานหลายเดือนเมื่อเปรียบเทียบกับโรงงานตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มในเวียดนาม บังกลาเทศ และกัมพูชา รวมถึงประเทศผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มอื่น ๆ 

การทำรัฐประหารในเมียนมาช่วงต้นปี 2564

จากข้อมูลของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ มูลค่าการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯ (HTS chapters 61 และ 62) จากเมียนมาร์ลดลงร้อยละ 0.4 ดังตารางที่ 2 การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ไปยังสหรัฐฯ โดยรวมลดลงอย่างมากในปี 2564 มากเมื่อเทียบกับก่อนการทำรัฐประหาร เนื่องจากแบรนด์แฟชั่นของสหรัฐฯ ยกเลิกคำสั่งซื้อจากเมียนมาร์ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเมียนมาร์ลดลงจากร้อยละ 0.5 ในปี 2563 เหลือเพียงร้อยละ 0.3 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564

ตารางที่ 2 การนำเข้าเครื่องแต่งกายของสหรัฐฯ จากเมียนมาร์*

ที่มา : ฐานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (2021)

*ผลิตภัณฑ์เหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 75-76 ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯ จากเมียนมาร์ **ครอบคลุมช่วงมกราคมถึงมิถุนายน

ตามรายงานการศึกษา 2021 Fashion Industry Benchmarking แบรนด์แฟชั่นของสหรัฐฯ จำนวนมากมีความกังวลต่อสถานการณ์การรัฐประหารในเมียนมาร์ที่จะส่งผลต่อสถานการณ์ด้านแรงงานและการจัดหาเครื่องนุ่งห่ม ผู้ตอบแบบสอบถามบางคนตอบอย่างชัดเจนว่ากำลังมองหาเครื่องนุ่งห่มจากแหล่งอื่นเนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในเมียนมาร์ ขณะที่ผู้ตอบอีกรายหนึ่งเสริมว่า เราได้เปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อจากเมียนมาร์ไปยังกัมพูชาแล้ว และเราจะสั่งซื้อจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

จากการศึกษาพบว่า การจัดหาเครื่องนุ่งห่มไม่มีนัยสำคัญกับการแข่งขันด้านราคา แต่แบรนด์แฟชั่นให้ความสำคัญกับเรื่องของเสถียรภาพทางการเมืองและเสถียรภาพทางการเงินมากกว่าในการตัดสินใจจัดหาเครื่องนุ่งห่ม 

สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำลังเพิ่มมาตรการลงโทษโดยพิจารณาการคว่ำบาตรต่อเมียนมาร์ เช่น รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในขั้นตอนการต่ออายุสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกาการที่ประเทศพัฒนาแล้วให้กับประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา (GSP) ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 อย่างไรก็ตาม ผู้แทนสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) กล่าวว่า แม้ว่ารัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจะต่ออายุสิทธิ GSP แต่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจประกาศระงับสิทธิ GSP เมียนมาร์จากเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศ

ในทำนองเดียวกัน หากเมียนมาร์สูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้า (EBA) จากสหภาพยุโรป อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่มุ่งเน้นการส่งออกจะได้รับผลกระทบมากที่สุดและคนงานตัดเย็บเครื่องนุ่งห่มจำนวนมากต้องกลายเป็นคนตกงาน และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์จะแสวงหาตลาดส่งออกเครื่องนุ่งห่มอื่นได้ในระยะเวลาอันสั้น เช่น การส่งออกไปยังตลาดจีนที่เป็นตลาดนำเข้าเกิดใหม่ที่มีขนาดใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเมียนมาร์ไปยังตลาดดังกล่าวในปี 2563 มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงร้อยละ 1.4

ที่มา : Just-Style: “A snapshot of the Myanmar apparel and exports industry in 2021”, by Dr Sheng Lu,  August 10, 2021

เรียบเรียงโดย : อิสเรศ วงศ์เสถียรโสภณ (ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)

ภาวะเศรษฐกิจสิ่งทอ,สิ่งทอ,เครื่องนุ่งห่ม,การส่งออก,การนำเข้า,เมียนมาร์,ปี 2564