
โควิดเอาไม่อยู่ ทุบจีดีพีไทยวูบ 0.5% ต่อเดือน
เอกชนชี้โควิดรอบ 3 หากยังเอาไม่อยู่จะกระทบจีดีพีวูบ 0.5% ต่อเดือน กรุงไทยประเมินทั้งปีดีสุดขยายตัวได้ 3% เอสเอ็มอีภาคบริการฝันสลายฟื้นธุรกิจ ทุบซํ้าสภาพคล่อง หอการค้าฯ เตรียมหารือสมาคมธนาคารช่วยอุ้ม ขณะ 45 กลุ่มอุตฯเพิ่มความเข้มข้นป้องกันการระบาดในโรงงาน ห่วงกระทบส่งออกขาขึ้น
การกลับมาระบาดของ โควิด-19 ระลอกใหม่ ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีผู้ติดเชื้อนับพันคนต่อวันต่อวันหลังเทศกาลสงกรานต์ เป็นความกังวลของทุกภาคส่วนถึงสถานการณ์และผลกระทบในวงกว้างที่อาจตามมา หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ จะดับฝัน การขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายปีนี้จะขยายตัวที่ 4% และรัฐอาจต้องใช้ เม็ดเงินเยียวยา อีกมหาศาล
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผลกระทบโควิด-19 หากยังมีการระบาดในรอบที่ใหม่ยังลุกลามยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของจีดีพีไทย 0.5% ต่อเดือน 2 เดือนก็ 1% และหาก 3 เดือนก็กระทบ 1.5% จากที่รัฐบาลตั้งเป้าขยายตัวทั้งปีที่ 4 % และเอกชนและหลายสำนักพยากรณ์คาดขยายตัวที่ 2.5-3% เป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้คงไปไม่ถึง
ขณะเดียวกัน การระบาดของโควิดระลอกใหม่ จะส่งผลกระทบซ้ำเติมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จากที่กำลังจะฟื้นตัวหลังการระบาดในสองรอบแรกคลี่คลาย ทั้งในเรื่องการฟื้นธุรกิจ และการขาดสภาพคล่อง เฉพาะอย่างยิ่งเอสเอ็มอีในภาคบริการ ได้แก่ ท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก รวมถึงผู้ประกอบการสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม เฟอร์นิเจอร์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
“ในส่วนของภาคการผลิต โรงงานอุตสาหกรรมเวลานี้ไม่กระทบมาก จากโควิดสองรอบแรกเรามีการเตรียมแผนที่ดี โดยใช้แผน BCP (Business Continuity Plan หรือการวางแผนการผลิตให้มีความต่อเนื่อง)โดยให้ 45 กลุ่มอุตสาหกรรมสมาชิกของ ส.อ.ท. มีการตรวจคัดกรองคนงานและพนักงานก่อนเข้าสถานประกอบการเพื่อป้องกันโควิดอย่างเข้มข้น รวมถึงในเรื่องของระบบโลจิสติกส์ขนส่งต่าง ๆ ก็มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ พอเกิดระบาดในรอบ 3 เราก็งัดแผน BCP ขึ้นมาใช้ให้เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อไม่ให้การผลิตและส่งออกสะดุดจากเวลานี้การส่งออกฟื้นตัวมีคำสั่งซื้อหลายสินค้าเข้ามามาก เช่น กลุ่มอาหาร เครื่องมือแพทย์ ถุงมือยาง ชุด PPE เป็นต้น ดังนั้นเราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้การใช้กำลังผลิตสะดุด”
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การระบาดของโควิดในรอบ 3 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีแน่ ล่าสุดคณะทำงานของหอการค้าไทยได้หารือกับตัวแทนธนาคารเพื่อให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินและสภาพคล่อง และในเร็วๆ นี้มีนัดหารือกับนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป
“รอบนี้ภาคการส่งออกยังดีอยู่ แต่ภาคบริการยังกระทบต่อเนื่อง รัฐบาลคงต้องเตรียมวงเงินช่วยเหลือเพิ่ม จากเวลานี้รัฐเหลือวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตาม พ.ร.ก.กู้เงินอีก 2.4 แสนล้านบาท และอนุมัติในหลักการเพื่อใช้ในโครงการเศรษฐกิจฐานรากที่จะอนุมัติให้ 77 จังหวัดอีก 45,000 ล้านบาท หรือจังหวัดละ 500-700 ล้านบาท การระบาดรอบนี้ยังน่าห่วงหากยืดเยื้อจะกระทบเศรษฐกิจประมาณเดือนละ 1.5 แสนล้าน หาก 3 เดือนก็กว่า 4 แสนล้าน”
ด้าน นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัยกรุงไทยคอมพาส ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ทางศูนย์ฯได้ปรับประมาณการเติบโตของจีดีพีไทยเหลือ 1.5-3.0% จากเดิมคาดไว้ที่ระดับ 2.5% ด้วยสมมติฐานภาครัฐนำเม็ดเงินที่มีอยู่ประมาณ 2.5 แสนล้านบาทมาใช้กระตุ้นหรือเยียวยาในช่วงที่เหลือซึ่งอาจประคองจีดีพีทั้งปีเติบโตได้ 3.0% อย่างไรก็ดี รัฐบาลเคยมองจีดีพีปีนี้จะเติบโต 4% แต่พอเกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ จีดีพีน่าจะเติบโตได้แค่ 3.0%
“ผลกระทบของโควิดระลอก 3 น่าจะทำให้จีดีพีปรับลดลง -1.3% (เดิมคาดไว้ที่ 2.5%) จะเหลือโต 1.2% แต่ปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่สะท้อนการฟื้นตัวดีขึ้นจะสนับสนุนให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ ซึ่งการส่งออกจะส่งผลบวกต่อ จีดีพีราว 0.3% เท่ากับจีดีพีจะตั้งต้นใหม่ที่ 1.5% แต่หากภาครัฐนำเม็ดเงินที่มีอยู่ประมาณ 2.5แสนล้านบาทมาใช้กระตุ้นหรือเยียวยาในช่วงที่เหลือก็จะส่งผลบวกให้จีดีพีดีขึ้นมา 1.5% ดังนั้นปีนี้จีดีพีจะขยายตัวได้ 3.0%”
ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/covid_19/476688