
'กระเป๋าไทย' วัสดุเด่น..เป็นจุดขาย
ผ้าไทยเป็นผ้าที่มีเอกลักษณ์มีลวดลายสวยงาม และด้วยคุณสมบัติกับความโดดเด่นของผ้าไทยจึงเป็นจุดที่ทำให้มีผู้ที่นำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจต่อยอดในการผลิตชิ้นงานต่าง ๆ อย่างเช่นชิ้นงานของ “อภิญญา พิบูลภานุวัธน์” และ “พัชรินทร์ ศิริญาณ” ที่นำ “ผ้าไทย” มาสร้างสรรค์ทำเป็น “กระเป๋า” หลากหลายรูปแบบ ทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นสินค้าที่โดนใจทั้งกลุ่มลูกค้าต่างชาติและคนไทยเป็นอย่างมาก...ซึ่งก็เป็นอีกกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจ
แตงโม-อภิญญา และ หมิว-พัชรินทร์ สองเพื่อนซี้ที่ช่วยกันคิดออกแบบและผลิตกระเป๋าผ้าไทยออกมาขาย ภายใต้แบรนด์ “CHAYA” โดยเจ้าของชิ้นงานนี้เล่าว่า...เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว และก็ชอบแต่งตัวเหมือนกัน มีวันหนึ่ง เราทั้งคู่ชวนกันไปเดินเล่นหาซื้อเสื้อผ้าในงานโอทอปแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในงานโอทอปที่ไปเดินนั้นได้เห็นว่ามีงานผ้าไทย และงานที่นำผ้าไทยมาแปรรูปเป็นสินค้าต่าง ๆ ขายอยู่ค่อนข้างเยอะมาก เราทั้งคู่เกิดความชอบในความสวยงามของผ้าไทยแต่ด้วยสินค้าบางชิ้นมีราคาสูงมากจนไม่กล้าที่จะซื้อ ก็เลยคุยกันเล่น ๆ ว่าลองนำผ้าไทยมาทำกระเป๋าขายกันไหม โดยคิดกันว่าถ้าทำก็จะออกแบบให้สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ที่สำคัญราคาต้องไม่แพงมาก ให้คนไทยทั่วไปได้เข้าถึงของไทยง่าย ๆ
หลังจากที่ปรึกษากันอยู่หนึ่งคืนก็ตัดสินใจที่จะทำกระเป๋าผ้าไทย ออกมาขาย จึงเริ่มลงมือทำทันที โดยเริ่มจากการคิดออกแบบรูปแบบกระเป๋าก่อน จากนั้นก็ตระเวนหาผ้าไทยชนิดต่าง ๆ ที่จะนำมาทำ นอกจากนั้นก็หาช่างที่จะมาผลิตชิ้นงานให้ด้วย โดยจะเน้นช่างที่เป็นชาวบ้านในชุมชน เพราะนอกจากจะมีฝีมือแล้วยังรู้จักวิธีการนำผ้าไทยมาผลิตต่อยอดเป็นชิ้นงานได้ดีอีกด้วย ก็ค้นหาอยู่หลายพื้นที่หลายจังหวัด ค่อย ๆ ปรับแบบพูดคุยทำความเข้าใจกับช่างจนเข้าใจตรงกัน ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ประมาณ 3-4 เดือนในที่สุดก็ลงตัวสามารถผลิตชิ้นงานออกมาได้ตรงตามที่ต้องการ
“ชิ้นงานกระเป๋าผ้าไทยที่ผลิตออกแบบออกมาขายนั้นเน้นออกแบบให้มีรูปแบบรูปทรงที่เข้ากับยุคสมัย สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ส่วนเรื่องลายผ้าก็จะเลือกใช้ลายผ้าให้เข้ากับคนทุกวัย ที่สำคัญต้องเน้นในเรื่องของคุณภาพเป็นพิเศษ และราคาสามารถจับต้องได้” ...เจ้าของชิ้นงานบอกถึงจุดเด่นของกระเป๋าผ้าไทยที่ทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าหลากหลายกลุ่มตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงานไปจนถึงผู้ใหญ่เป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ทุนเบื้องต้น เงินลงทุนสำหรับทำกระเป๋าผ้าไทยอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ และค่าตัดเย็บ ทุนวัสดุ อยู่ที่ประมาณไม่เกิน 70-80% จากราคา ซึ่งราคากระเป๋าผ้าไทยมีตั้งแต่ 490-650 บาท ราคาจะขึ้นกับชนิดของผ้า โดยหากเป็นกระเป๋าที่ทำจากผ้าฝ้ายราคาอยู่ที่ 490 บาท กระเป๋าผ้าไหมเทียมราคา 590 บาท และกระเป๋าฝ้ายย้อมครามทอมือราคาอยู่ที่ 650 บาท
วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย หนังเทียม, ผ้าฝ้าย, ผ้าไหมเทียม, ผ้าฝ้ายย้อมครามทอมือ และอะไหล่ต่าง ๆ สำหรับใช้ประกอบทำเป็นกระเป๋า อาทิ ผ้าซับใน, ซิป, กระดุม เป็นต้น
ขั้นตอนการทำ...กระเป๋าผ้าไทย
เริ่มจากการออกแบบรูปทรงกระเป๋าตามที่ต้องการ หลังจากที่ได้แบบรูปทรงกระเป๋าแล้ว ก็มาเลือกดูว่าต้องใช้วัสดุอะไรมาทำบ้าง จากนั้นก็มาเลือกสีและลายผ้าที่ต้องการจะนำมาทำกระเป๋า หลังจากที่ออกแบบรูปทรงกระเป๋า และได้สีและลายผ้าตามที่ต้องการแล้ว ก็นำแบบกระเป๋าและผ้าที่เลือกไว้ รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับตกแต่งกระเป๋า ส่งไปให้ช่างเพื่อทำการตัดเย็บกระเป๋าออกมา จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของช่างตัดเย็บที่จะตัดเย็บเป็นกระเป๋าตามแบบที่สั่งทำไว้ พอช่างตัดเย็บกระเป๋าเสร็จ ก็ให้ตรวจสอบคุณภาพให้ได้มาตรฐาน
“ด้วยความที่ไม่มีทักษะและไม่มีความชำนาญด้านการตัดเย็บ จึงเลือกใช้วิธีการออก แบบรูปแบบรูปทรงตามที่ต้องการแล้วส่งให้ช่าง ที่มีความชำนาญตัดเย็บ ซึ่งอาจจะมีต้นทุนสูง แต่เป็นวิธีที่สะดวก ช่วยลดขั้นตอนการทำ ที่สำคัญสามารถควบคุม คุณภาพของสินค้าได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการคัดเลือกช่างตัดเย็บจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกช่างที่มีมาตรฐาน เพื่อให้งานออกมาดี เรียบร้อย แข็งแรง มีคุณภาพ ซึ่งผู้ที่สนใจทำกระเป๋าแต่ไม่ มีทักษะฝีมือในการเย็บก็สามารถใช้วิธีแบบนี้ได้ แค่ขอให้มีไอเดียมีความคิดสร้างสรรค์คิดออก แบบกระเป๋าให้ออกมามีเอกลักษณ์” เจ้าของชิ้นงานแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจทำชิ้นงานประเภทกระเป๋าผ้าไทยนี้
สนใจงาน “กระเป๋าผ้าไทย” ของแบรนด์ CHAYA สามารถเข้าไปชมสินค้าและสั่งซื้อได้ที่ เฟซบุ๊ก : ChayaBrandThai หรือทางอินสตาแกรม : ChayaBrandThai …ซึ่งนี่ก็เป็นการนำ “ผ้าไทย” ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาต่อยอดแปรรูปทำเป็นชิ้นงานประเภท “กระเป๋า” จนสามารถใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” ได้อย่างน่าสนใจ
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/820508