หน้าแรก / THTI Insight / องค์ความรู้ / Trends in Supply Chain Product Development

Trends in Supply Chain Product Development

กลับหน้าหลัก
06.04.2561 | จำนวนผู้เข้าชม 1778

Trends in Supply Chain Product Development

บทบาทและความสำคัญของการคาดการณ์แนวโน้มสีและการออกแบบแฟชั่นในห่วงโซ่อุปทาน

เทรนด์หรือการคาดการณ์แนวโน้มเป็นเสมือนแผนที่นำทางในการดำเนินธุรกิจแฟชั่นให้ไปในทิศทางที่ตรงกับกระแสนิยมหรือความคาดหวังของผู้บริโภค

ในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมแฟชั่นมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ เส้นใย เส้นด้าย ผ้าผืน วัสดุประกอบ ไปจนถึงนักออกแบบ ผู้ประกอบการแฟชั่น รวมถึงอุตสาหกรรมสนับสนุนต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ เครื่องประกอบการแต่งกาย เครื่องสำอางและเสริมสวย เทรนด์จึงเป็นเสมือนแผนที่ที่ช่วยให้ทุกๆ สมาชิกในห่วงโซ่เห็นข้อมูลและเลือกเดินทางเพื่อผลิตสินค้าไปตามความชอบของกลุ่มผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมและรสนิยมความชอบคล้ายๆกัน เกิดเป็นกระแสแฟชั่นในรูปแบบธีมต่างๆ กันออกไป

การวิจัยเทรนด์เริ่มตั้งแต่การสังเกตุ เก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของโลกในเชิงกระแสสังคม วัฒนธรรม ศิลปะ การเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ซึ่งมีการเคลื่อนไหวต่างๆ 10-5 ปีล่วงหน้าก่อนที่จะกลายมาเป็นประแสแฟชั่น ลักษณะ/กลุ่ม/กระแสยักษ์ใหญ่ที่เคลื่อนไหวเหล่านี้ที่เรียกว่า Mega Trend ซึ่งจะกลายมาเป็นโอกาส หรือ Future Probe ในอนาคต

กระแสเมกะเทรนด์จะเริ่มชัดเจนประมาณ 5-2 ปีก่อนจะแตกเป็นเทรนด์ย่อยๆ อีกทีหนึ่ง ผู้นำกระแสเมกะเทรนด์เหล่านี้ได้แก่ นักคิด (thinkers) พวกศิลปิน ดารา นักร้อง อาร์ตทิส กลุ่มการเมือง กลุ่มทางสังคมต่างๆ

ผู้นำกระแสเหล่านี้จะจับประเด็นหรือสัมผัส(sense)ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นและนำมาประยุกต์ใช้/บอกเล่าในรูปแบบที่เป็นนามธรรมได้มากขึ้นในสไตล์ต่างๆ

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะมีผลต่อพฤติกรรมความชอบและการบริโภค/อุปโภคของผู้บริโภค ได้แก่
               -Consumer’s attitude ทัศนคติของผู้บริโภค … ว่าเริ่มเข้าสู่ยุค/โหมดแบบไหน เชิงบวก เชิงลบ กังวล หวาดกลัววิตกกังวล
               -Socio-cultural movement การเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมและวัฒนธรรม 
               -Technology Advancement การเปลี่ยนแปลง/กระโดดข้ามของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
               -Emerging Lifestyle วิถีการดำเนินชีวิตใหม่ๆ อาทิ สังคมเมือง
              - Preferred body shape การเปลี่ยนแปลงของรูปร่างคนตามวัย (generation change)
               -Global issue ประเด็นสำคัญต่างๆของโลก อาทิ การเมือง เศรษฐกิจโลก

ลิงก์บทความ 100 Years of Women’s Fashion

ความเกี่ยวข้องของธุรกิจอุตสาหกรรมแต่ละสาขากับการคาดการณ์เทรนด์

Forecasting is a team effort involving various professionals in the fashion industry. Source: Developed by Hyejeong Kim.


2 ปี/24 เดือนก่อนฤดูกาลสินค้าวางตลาด เป็นช่วงการพัฒนาแนวคิดเทรนด์/ทิศทางกลุ่มสีที่จะมีผลต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามกลุ่มผู้บริโภค นักวิจัยเทรนด์ (trend forecaster) /บริษัทที่ปรึกษาด้านเทรนด์/ องค์กรและคณะกรรมการเทรนด์ต่างๆ เริ่ม วิจัย วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลออกมาเป็น Consumer Trends และ Color & Design concepts แนวคิดเทรนด์เป็นธีมต่างๆตามพฤติกรรมผู้บริโภคและแปลงเป็นอารมณ์สี/กลุ่มสีที่ตอบสนองต่อแนวคิดผู้บริโภค ในช่วงนี้จะได้เห็นเทรนด์ที่เริ่มมีแนวคิดเป็นรูปธรรม สื่อออกมาในรูปแบบอารมณ์ของผู้บริโภค ลักษณะเชด/โทนสี อารณ์สี ลายเส้น เค้าโครงการออกแบบ ยุคสมัยที่อ้างอิงการออกแบบ เทรนด์นี้จะถูกนำไปใช้ในกลุ่มผู้พัฒนาวัตถุดิบต้นทาง พวกเส้นใยเส้นด้าย วัสดุสังเคาะห์ ในส่วนผู้ผลิตผ้าเองเมื่อทราบเทรนด์ก็จะเริ่มเตรียมหาเทคโนโลยีการผลิตที่รองรับกระแสนั้นๆ ส่วนผู้ผลิตแฟชั่น/แบรนด์จะเริ่มพัฒนาแนวทางแนวคิดเตรียมสำหรับการออกแบบคอลเลคชั่น

18-15 เดือนก่อนฤดูกาลสินค้าวางตลาด เทรนด์เริ่มมีการตีความที่ละเอียดขึ้นแยกตามอุตสาหกรรมและลงไปที่วัสดุแต่ละประเภท แยกเป็น Material Trend แยกเป็นเทรนด์วัสดุสิ่งทอ เส้นด้าย ผ้าถัก ผ้าผืน จนลงไปถึงทิศทาง/แนวทางการใช้ในแฟชั่น เทรนด์พื้นผิว (surface design trend) เทรนด์นวัตกรรม (functional) ในขณะเดียวกัน crossing trend ก็ถูกตีความเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และอุตสาหกรรมการออกแบบอื่นๆด้วย อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน รถยนต์/ยานยนต์ เทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้า

15-12 เดือนก่อนฤดูกาลสินค้าวางตลาด เทรนด์ถูกถ่ายทอดและตีความลงไปเป็นเทรนด์ธีมย่อยๆแยกตามประเภทผลิตภัณฑ์ แฟชั่น เครื่องประกอบการแต่งกาย อิเล็กทรอนิกส์ ของแต่งบ้าน ไลฟ์สไตล์ ผู้ประกอบการแฟชั่น/แบรนด์ใช้เทรนด์ในการวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ แบรนด์ใหญ่ๆเริ่มทำคอลเลคชั่นและเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ใน fashion week ประมาณ 1 ปีก่อนฤดูกาล ส่วนพวก commercial brands จะเริ่มพัฒนาสายผลิตภัณฑ์และทำการสั่งซื้อ

12-6 เดือนก่อนฤดูกาลสินค้าวางตลาด เทรนด์ถูกนำไปปรับใช้ในกลุ่ม Fast fashion และพวกเครื่องสำอางค์ เสริมสวย รองเท้า เครื่องประดับ อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์

6-3 เดือนก่อนฤดูกาล เทรนด์ต่างๆจะถูกเลือกให้เหมาะสมกับผู้บริโภคและนำไปใช้ในธุรกิจค้าปลีก การจัดร้าน การจัด window displays รวมถึงสื่อนิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ อุตสาหกรรมโฆษณาและบันเทิงต่างๆ

เมื่อจับกระแสหลักของทิศทางผู้บริโภคได้ การเปลี่ยนแปลงของสังคมที่กระทบต่ออารมณ์ผู้บริโภค ถูกแปลงและตีความออกมาในรูปแบบแนวคิด ทิศทางการออกแบบ อารมณ์สีที่สะท้อนตัวตนผู้บริโภค รูปทรง รูปร่าง เส้นสาย โครงร่าง ที่ถูกแปลงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ ที่สะท้อนตัวตนผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆออกมา เพื่อตอบรับกับผู้บริโภค/ลูกค้าในยุคสมัยต่างๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคมนั้นๆ

ตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงกระแสผู้บริโภคและ crossing trend ที่ถูกปรับใช้ลงมาถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของผู้บริโภค

 

กระแสสังคมในเรื่อง Well being, well belonging, well becoming เริ่มเห็นทิศทางเรื่องทัศนคติของผู้บริโภคมาตั้งแต่ในปี 2008-2009 เมื่อผู้คนเริ่มตะหนักในเรื่องรูปร่าง ตัวตน อิสระของตนเองในการปรับเปลี่ยนรูปร่างจนถึงอิสระในเรื่องการเลือกเพศ สะท้อนออกมาในเรื่องของความงามในแง่มุมของ Ugly Beauty (รอยสัก การเจาะตกแต่งร่างกาย การเพ้นท์ร่างกาย) จนถึงการทำศัลยกรรม การใส่เทคโนโลยีลงไปในร่างกายแบบ Artificial Being

Screen Shot 2559-05-19 at 11.51.22 AM.png

Screen Shot 2559-05-19 at 11.51.39 AM.png

Screen Shot 2559-05-19 at 11.48.28 AM.png

กระแสการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงนั้นทำให้เกิดเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ตามมาในช่วงปี 2011-12 ในกระแสที่เรียกว่า Forever Young สะท้อนแนวคิดผู้บริโภคด้วยแฟชั่นที่ดูเป็นเด็ก (โดยไม่แคร์อายุ) ดูบริสุทธิ์ สดใส เป็นธรรมชาติ สีแบบพาดเทลที่ดูสนุกสนาน อ่อนเยาวน์ สะท้อนความสนุกสนานและจินตนาการในวัยเด็ก

เทรนด์ถูกตีความจากแนวคิดลงไป ดีไซเนอร์แบรนด์ใหญ่โชว์บนรันเวย์ในรูปแบบของเจ้าหญิง เทพนิยาย fairy tale และถูกปรับใช้ลงไปในแบรนด์แฟชั่นและสินค้าต่างๆ โดยการลดทอนรูปแบบแต่ยังคงกลิ่นไอความเป็นเด็ก สนุกสนานใช้สีพาสเทลที่ช่วยสื่อถึงความเป็นหญิง

Screen Shot 2559-05-19 at 11.48.48 AM.png

Screen Shot 2559-05-19 at 11.49.13 AM.png

Screen Shot 2559-05-19 at 11.49.27 AM.png

เทรนด์นี้ยังคงเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคต่อข้ามฤดูกาลมาถึงปี 2012 แต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดและรสนิยมกลายเป็นหญิงที่ดูเปล่งปลั่ง เย้ายวน สุขภาพดี มีชีวิตชีวา เซ็กซี่ น่าทะนุถนอมแบบ Revitalization จากเทรนด์ที่ดูเป็นเด็กก็เติบโตขึ้น ใช้สีสันที่ดูเซ็กซี่สีนู้ด สีผิวบวกสีชมพู และทอง ลวดลายและเส้นสายต่างๆ ดูซับซ้อนและมีรายละเอียดมากขึ้น

Screen Shot 2559-05-19 at 11.49.41 AM.png

Screen Shot 2559-05-19 at 11.49.54 AM.png

Screen Shot 2559-05-19 at 11.50.09 AM.png



 

-