
SACICT ยกระดับ หัตถศิลป์ไทยสู่สากล
SACICT ยกระดับ หัตถศิลป์ไทยสู่สากล - ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT ดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์สื่อสารคุณค่าความเป็นไทย เพื่อสืบสานพระราชปณิธานงานศิลปาชีพช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน และผลักดันงานศิลปหัตถกรรมไทยสู่โลกยุคใหม่
นายพรพล เอกอรรถพร ให้สัมภาษณ์ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ส่ง เสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ว่า ศูนย์ส่ง เสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT มีหน้าที่สืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในงานศิลปาชีพและงานศิลปหัตถกรรมในท้องถิ่นต่างๆ
จึงมีความ “ศักดิ์สิทธิ์” ในทุกมิติของการดำเนินงาน นำมาสู่ความภาคภูมิใจใน “คุณค่าความเป็นไทย” ที่สั่งสมและสืบทอดทักษะเชิงช่าง ภูมิปัญญา ผ่านงานศิลปหัตถกรรมตามแนวทางศิลปาชีพ รวมถึงงานศิลปหัตถกรรมในท้องถิ่น ผ่านครู ศิลปาชีพสมาชิกศิลปาชีพ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม และสมาชิกผู้ประกอบการงานศิลปหัตถกรรมในแขนงต่างๆ
เมื่อนำมาผนวกกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีย่อมก่อเกิด เป็นผลงานหัตถกรรมที่ทรงคุณค่าความเป็นไทย พร้อมมาตรฐานชั้นเลิศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล “SACICT คุณค่าความเป็นไทย” จึงเป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อสื่อสารคุณค่าความเป็นไทยไปสู่สายตาคนไทยและประชาคมโลกผ่านงานหัตถศิลป์ไทย ดังนี้
คุณค่าในงานศิลปาชีพ คุณค่าของการอนุรักษ์สืบสานพระราชปณิธานงานด้านศิลปาชีพ เพื่อให้ชาวบ้านมีอาชีพและรายได้จากการทำงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านและชุมชนให้ดีขึ้น ถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาสู่คนรุ่นใหม่
คุณค่าในความเป็นไทยที่ภาคภูมิ คุณค่าที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพและงานศิลปหัตถกรรมล้วนแล้วแต่มาจากการสั่งสมภูมิปัญญาและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมายาวนาน เกิดเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว นำมาสู่ค่านิยมและการสร้างกระแสการใช้ของไทย
คุณค่าของมาตรฐานเป็นเลิศสู่เวทีโลก คุณค่าของผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานที่ดี งดงาม และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นการยกระดับผู้สร้างสรรค์ชิ้นงานว่าจำต้องรักษามาตรฐานและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ผลักดันให้ไปถึงจุดที่นานาชาติยอมรับ
คุณค่าแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยีสร้างสรรค์ คุณค่าในการนำความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด ให้กลายเป็น ผู้ประกอบการงานหัตถศิลป์ซึ่งก้าวทันโลก
คุณค่าของสังคมไทยที่เติบโตอย่างยั่งยืน ผู้บริโภคสามารถแบ่งปันช่วยเหลือสนับสนุนชาวบ้าน ขณะเดียวกันชุมชนมีความเข้มแข็งจากการพึ่งพาตนเอง
ทั้งนี้ SACICT กำหนดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ 4 มิติคือ การสืบสานคุณค่าด้านงานศิลปาชีพ ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่โอกาสทางการตลาด การตลาดศิลปาชีพเชิงบูรณาการ และการยกระดับองค์กรสู่ความเป็นเลิศ
ผู้อำนวยการ SACICT กล่าวถึงแผนการดำเนินงานเร่งด่วนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า เร่งประสานพลังกับชุมชนต่างๆ ผลิตสินค้าหน้ากากทางเลือก เกิดเป็นโครงการ “หน้ากากจากหัวใจชุมชน”
นอกจากนี้ยังมีแผนรองรับภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง อาทิ การจัดงานหัตถกรรมระดับประเทศในช่วงปลายปีนี้ การสร้างความนิยมผ้าไทยในกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านการจัดการประกวดระดับนานาชาติ รวมทั้งการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ ผลักดันสินค้า GI เรื่องลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรต่างๆ การหาตลาดใหม่ๆ
รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามชีวิตวิถีใหม่ อาทิ การเพิ่มทักษะะงานคราฟต์ ผ่าน E-Learning การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่าน E-Commerce Platform การผลิต Logistic และจำหน่ายซื้อขาย Distribute ผลิตภัณฑ์ ศิลปาชีพและหัตถกรรมไทย การนำเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการรวมถึงการจับมือพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อพัฒนาวงการหัตถกรรมไทย
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_4202124