หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / ประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร GSP จากสหรัฐอเมริกา

ประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร GSP จากสหรัฐอเมริกา

กลับหน้าหลัก
08.11.2562 | จำนวนผู้เข้าชม 2933

ประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร GSP จากสหรัฐอเมริกา 

สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR)  รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมยกเลิกการให้สิทธิพิเศษทางภาษีกับไทยมูลค่าการค้าประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมการส่งออกของไทย 573 รายการ โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 25 เมษายน 2563 โดยสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ อ้างถึงปัญหาสิทธิแรงงานที่ยืดเยื้อมายาวนานโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารทะเลและการเดินเรือ 

ซึ่งเป็นสาเหตุให้ ประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) กับสหรัฐฯ ในสินค้าหลายรายการ รวมถึงเสื้อกระโปรงชุดและชิ้นส่วนรองเท้า ด้วยสาเหตุที่ไทยไม่ดำเนินการเพื่อให้ประเด็นเรื่องสิทธิแรงงานเป็นไปตามมาตรฐานสากล

“สำหรับประเทศไทย แม้ได้มีการดำเนินการมา 6 ปี แต่ยังไม่สามารถจัดการด้านสิทธิแรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลในหลายด้านที่มีความสำคัญตามที่สหพันธ์แรงงานและสภาแรงงานอุตสาหกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา (AFL-CIO) เรียกร้องมา เช่น การให้เสรีภาพในการตั้งสมาคมและการต่อรอง” USTR กล่าว “ดังนั้นจึงระงับการให้สิทธิ GSP เป็นเวลา 6 เดือน สำหรับสินค้า 1 ใน 3 ของการส่งออกสินค้าภายใต้โครงการ GSP ซึ่งมีมูลค่าส่งออกรวมกัน 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2561”

ในขณะที่สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร GSP ไม่รวมผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มส่วนใหญ่ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา การกำหนดเงื่อนไขของประเทศที่จะได้รับสิทธิ GSP จะต้องเป็นประเทศที่มีความชัดเจนว่ากำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงการคุ้มครองสิทธิแรงงานและทรัพย์สินทางปัญญา ฉะนั้นถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร GSP บ่งบอกถึงประเทศเหล่านี้ไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตาม รายการสินค้าที่ถูกตัดสิทธิประกอบด้วยเสื้อกระโปรงชุดของสตรี หรือเด็กหญิง, ถุงมือ, พื้นรองเท้าด้านนอกและส้นรองเท้า และของอื่น ๆ ทำด้วยขนแข็งหรือขนอ่อน

ตัวอย่างสินค้าที่ถูกระงับสิทธิ GSP ประกอบด้วย
• ถุงมือทุกชนิดที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับใช้ในการกีฬา รวมถึงถุงมือที่ใส่เล่นสกีและสโนว์โมบิล ถุงมือทุกชนิด ทำด้วยเส้นใยเทียม
 ที่คาดศีรษะ ที่รัดผมและของที่คล้ายกัน วัตถุทอ อื่น ๆ ที่มีไหมตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไปโดยน้ำหนัก ถักแบบนิตหรือแบบโครเชต์;
• เสื้อกระโปรงชุดของสตรี หรือเด็กหญิง ไม่ถักแบบนิตหรือแบบโครเชต์ ทำด้วยไหมหรือเศษไหมตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไปโดยน้ำหนัก;
• ถุงมือทุกชนิด สำหรับใช้ในการกีฬา รวมถึงรวมถึงถุงมือที่ใส่เล่นสกีและสโนว์โมบิล อื่น ๆ ไม่ถักแบบนิตหรือแบบโครเชต์ อาบซึม หรือหุ้ม ด้วยพลาสติกหรือยาง
 พื้นรองเท้าด้านนอกและส้นรองเท้า ทำด้วยยางหรือ พลาสติก
 ขนแข็งหรือขนอ่อน (นอกจากเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยหรือ ยัดไส้ด้วยขนแข็งหรือขนอ่อน และก้านขนนก ที่จัดทำแล้ว)

ในปี 2561 การส่งออกเครื่องแต่งกายของไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกามีอัตราภาษีเฉลี่ยร้อยละ 14.4 สำหรับเครื่องแต่งกายถักแบบนิต (HS ตอนที่ 61) และร้อยละ 10.6 สำหรับเครื่องแต่งกายทอ (HS ตอนที่ 62) นอกจากนี้ทั้งสองประเทศไม่มีการเจรจาทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ trade preference program

USTR ยังทบทวนสิทธิพิเศษทางภาษีใหม่กับแอฟริกาใต้ เนื่องจากปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และอาเซอร์ไบจาน ที่มีปัญหาด้านสิทธิแรงงานภายในประเทศด้วยเช่นกัน ในการประกาศพิจารณาทบทวนการให้สิทธิ GSP ครั้งนี้ นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่ถูกพิจารณา เช่น โบลิเวียและอิรัก ในประเด็นการปรับปรุงการคุ้มครองสิทธิแรงงานในประเทศ และอุซเบกิสถาน ที่มีปัญหาเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

จากข้อมูลของบริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s) เปิดเผยว่าการส่งออกของไทยคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของจีดีพีของประเทศ และสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดคู่ค้าของประเทศไทยที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากจีน โดยในปี 2561 การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกามีมูลค่ารวม 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

นักวิเคราะห์กล่าวว่าผลกระทบของอัตราภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นมีผลต่อการส่งออกไม่มากนัก เนื่องจากเป็นเพียงร้อยละ 5 ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐอเมริกา โดยสินค้าจะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 4.5 ซึ่งทำให้มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามการประมาณการเบื้องต้นของรัฐบาลไทย ระบุว่า กระทบต่อการส่งออกคิดเป็นประมาณร้อยละ 0.01 ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐอเมริกาและสัดส่วนร้อยละ 0.01 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย”

นักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า “ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 การส่งออกสินค้าของไทยหดตัวร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561ที่ขยายตัวร้อยละ 8.6 การหดตัวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากนี้การชะลอตัวของอุปทานวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลก ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การลงทุนสำหรับห่วงโซ่อุปทานของผู้ส่งออกในระดับภูมิภาคโดยใช้แนวทางการรวมศูนย์การผลิต ส่งผลให้การส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา แม้ว่าปริมาณการค้าโดยรวมจะลดลง”

จากข้อมูลของ Moody’s ระบุอีกว่า รัฐบาลไทยมีความตั้งใจที่จะเจรจากับสหรัฐเพื่อขอคืนสิทธิ GSP โดยนักวิเคราะห์คาดว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการเชิงนโยบายเพื่อลดผลกระทบในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา รวมถึงมาตรการส่งเสริมการส่งออกก่อนถึงวันที่ 25 เมษายน 2563 รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบในตลาดอื่น ๆ

“รัฐบาลยังให้ความสำคัญต่อการเจรจาต่อรองในข้อตกลงการค้าเสรีระยะยาวกับสหภาพยุโรป และการมีส่วนร่วมในการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (RCEP)”

นอกจากประเทศไทยแล้ว ตุรกีและอินเดียต่างก็ถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร GSP จากสหรัฐอเมริกา เช่นกัน

ที่มา : Just-style: “Thailand loses US GSP preferential trade status”, by Michelle Russell, November 4, 2019   

เรียบเรียงโดย : ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ

กฎระเบียบสิ่งทอ, สิ่งทอ, เครื่องแต่งกาย, โดนัลด์ ทรัมป์, GSP, สหรัฐอเมริกา, ไทย, USTR, ถุงมือ, กระโปรงชุด, รองเท้า, ที่คาดศีรษะ, ที่รัดผม