
ผู้ค้าปลีกของสหรัฐฯ เปิดเผยประโยชน์ที่อาจได้จากข้อตกลง TPP
สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) กล่าวว่าข้อตกลง TPP จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคสหรัฐฯ เนื่องจากราคาสินค้าที่ต่ำลง
สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสนับสนุนข้อตกลงการค้า TPP โดยชี้ให้เห็นประโยชน์ว่าสามารถลดต้นทุนการจัดหาได้และทำให้มาตรฐานทางศักยภาพแรงงานและสิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้น
รายงานเรื่อง “ประโยชน์ของข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (TPP) ต่อผู้ค้าปลีกและครัวเรือนอเมริกัน”อธิบายว่าผู้บริโภคและผู้ค้าปลีกของสหรัฐฯ จะได้รับผลประโยชน์อย่างไรเมื่อข้อตกลงมีผลบังคับใช้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตรภาษีศุลกากรของสินค้าจากประเทศสมาชิก TPP ที่มีมูลค่ากว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และภาษีเกือบทั้งหมดจะถูกยกเลิกไปในที่สุดเมื่อข้อตกลงมีผลบังคับใช้ นี่จะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าที่ถูกลง ซึ่งภาษีศุลกากรนำเข้าในปัจจุบันนั้นสูงถึง 67.5% สำหรับรองเท้า และ 32% สำหรับเครื่องนุ่งห่ม
ตามรายงานที่สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติจัดเตรียมเกี่ยวกับข้อตกลงหุ้นส่วนการค้า ข้อตกลง TPP จะทำให้ต้นทุนห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคของ TPP ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ ครัวเรือนจะได้ประโยชน์จากอำนาจซื้อที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่ต่ำลงและค่าจ้างที่สูงขึ้น
รายงานดังกล่าวยังกล่าวอีกว่า การปกป้องแรงงานและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในข้อตกลงนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกของสหรัฐฯ และเพิ่มเติมว่าข้อตกลง TPP ทำให้ผู้ค้าปลีกมีหลักประกันว่าโรงงานในประเทศสมาชิก TPP จะดำเนินการเกี่ยวกับประเด็นแรงงานและสิ่งแวดล้อมตามระเบียบจรรยาบรรณในข้อตกลงนี้ เช่น การห้ามใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ รวมทั้งการคุ้มครองสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธ์ุ
ข้อตกลง TPP ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอยู่นี้จะช่วยลดภาษีของสินค้าและบริการให้ค่อย ๆ หมดไประหว่างแคนาดา เม็กซิโก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ชิลี นิวซีแลนด์ เปรู ออสเตรเลีย และบรูไน ซึ่งการค้าระหว่างประเทศเหล่านี้คิดเป็นมูลค่า GDP สูงถึงเกือบ 40% ของทั้งโลก
ประเทศสหรัฐฯ มีข้อตกลงการค้าเสรีเดิมอยู่แล้วกับ 6 ประเทศสมาชิก TPP (ออสเตรเลีย แคนาดา ชิลี เม็กซิโก เปรู และสิงคโปร์) ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบหรือใกล้เต็มรูปแบบแล้ว ประโยชน์ของ
ข้อตกลง TPP จึงอยู่ที่ว่าสหรัฐฯ จะมีข้อตกลงการค้าเพิ่มขึ้นกับอีก 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม และบรูไน
Matthew Shay ผู้บริหารและประธานของสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติอธิบายว่า รายงานนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการค้าระหว่างประเทศต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และข้อตกลง TPP จะทำให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างโอกาสให้สหรัฐฯ ได้อย่างไรบ้าง
แต่ข้อตกลง TPP จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคของสหรัฐฯ ได้ก็ต่อเมื่อสภาครองเกรสผ่านร่างกฎหมายนี้เท่านั้น Shay ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าสภาครองเกรสควรผ่านร่างข้อตกลงนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อแรงงานอเมริกัน ผู้บริโภค และธุรกิจจะเริ่มได้รับผลประโยชน์เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ด้านสมาคมค้าปลีกกำลังเตรียมเสนอจุดยืนท่ามกลางความกังวลในหมู่ผู้สนับสนุนข้อตกลงนี้ว่าการหาเสียงก่อนเลือกตั้งได้มุ่งไปแค่ประเด็นผลเสียที่เกิดจากข้อตกลงทางการค้านี้
ผู้ที่น่าจะเข้าชิงการแข่งขันประธานาธิบดีสหรัฐทั้งสองท่านนั้นได้กล่าวต่อต้านการทำข้อตกลง TPP ในขณะนี้ และยังได้รับการต่อต้านจากผู้นำพรรคลีพลับรีกันคนสำคัญในสภาครองเกรส
สภาครองเกรสยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะผ่านข้อตกลง TPP ก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการออกเสียงเรื่องนี้ในช่วงเวลาที่สมาชิกสภาชุดเก่ารอให้สมาชิกชุดใหม่เข้ามารับอำนาจแทน (lame-duck session) ในเดือนธันวาคม 2016
Julia Hughes ประธานสมาคมอุตสาหกรรมแฟชันของสหรัฐฯ ได้เขียนให้กับ just-style เมื่อต้นปีนี้ว่าแหล่งข่าววงในกรุงวอชิงตันจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างเห็นว่าข้อตกลง TPP จะไม่ผ่านการอนุมัติก่อนที่จะมีประธานาธิบดีและสมาชิกสภาครองเกรสชุดใหม่ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวล
รายงานฉบับหนึ่งที่เผยแพร่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าผู้ส่งออกสหรัฐฯ อาจจะสูญเสียถึงประมาณ 94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากมีการเลื่อนหรือยกเลิกการทำข้อตกลง TPP และมีคำถามจากผู้สังเกตการณ์ในบางอุตสาหกรรมว่าภาคสิ่งทอและเสื้อผ้าของเวียดนาม ที่คาดการณ์ว่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับประโยชน์จากข้อตกลง TPP มากที่สุดนี้ เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยังที่จะตักตวงผลประโยชน์ดังกล่าวที่จะเข้ามานี้เมื่อข้อตกลงนี้เริ่มบังคับใช้สำเร็จ
ที่มา http://www.just-style.com/news/us-retailers-set-out-potential-benefits-of-tpp_id127881.aspx