
สถาบันเอไอทีไอ เผย ผู้ประกอบการเอกชนไทย แห่ลงทุนในกัมพูชาเพิ่มขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการสถาบันที่ปรึกษาอัจฉริยะด้านการค้าและการลงทุน หรือ สถาบันเอไอทีไอ เปิดเผยผลสำรวจปัจจัยการค้าของเอกชนไทยกับประเทศกัมพูชา จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนกว่า 600 ราย พบว่า 50% โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ระบุว่ากัมพูชาเป็นโอกาสดีของการทำธุรกิจของผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างมาก โดยประเภทธุรกิจที่เอกชนไทยมองว่าน่าลงทุน ได้แก่ ธุรกิจยานยนต์, ธุรกิจขนส่ง, พลาสติก, ธุรกิจห้องเย็น และเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร

ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าที่มีแนวโน้มส่งออก และนำเข้าไปลงทุนในกัมพูชา ได้แก่ สินค้าเกษตร, เครื่องจักร, สิ่งทอ, สินค้าอุปโภคบริโภค และอัญมณี ทั้งนี้ กัมพูชาถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่หลายประเทศจับตามอง เนื่องจากการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจกำลังขยายตัวได้อย่างชัดเจน โดยมีปัจจัยหลายอย่างที่เกิดในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ อาทิ ประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 25-30 ล้านคน เนื่องจากปัจจุบันกัมพูชามีปริมาณเด็กเกิดใหม่ 1.46% ส่งผลให้ปริมาณประชากรจะเติบโตเป็น 20 ล้านคน มีการบริโภคที่สูงขึ้น และมีการปรับเปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรมสูงถึง 40%
นอกจากนี้ ประชาชนนิยมทำการเกษตรน้อยลง ส่งผลให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของกัมพูชาอาจเติบโตได้ถึง 6.5-7% ต่อปี และส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นจาก 1,600 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี เป็น 2,200 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในส่วนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกัมพูชาคล้ายกับไทยคือเน้นการส่งออก ซึ่งมีการเติบโตมากกว่า 10% และอาจเติบโตได้ถึง 12% ภายใน 5 ปี แต่กัมพูชายังคงขาดดุลการค้า เพราะจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าต่างๆ เพื่อก่อสร้างและพัฒนาประเทศ โดยนำเข้าสินค้าประเภท อุปโภค บริโภค วัสดุก่อสร้าง อาหาร น้ำมัน อัญมณี และรถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น โดยมีการนำเข้าสินค้าไทยมากที่สุดคิดเป็น 1 ใน 3 คือประมาณ 32% รองลงมาคือจีนประมาณ 30%
ที่มา : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1593737