หน้าแรก / THTI Insight / ข่าวรายวัน / “พาณิชย์” ชี้ไทยมีโอกาสส่งออกเพียบ หลังมะกันจ่อขึ้นภาษีจีนรอบใหม่

“พาณิชย์” ชี้ไทยมีโอกาสส่งออกเพียบ หลังมะกันจ่อขึ้นภาษีจีนรอบใหม่

กลับหน้าหลัก
27.05.2562 | จำนวนผู้เข้าชม 667

“พาณิชย์” ชี้ไทยมีโอกาสส่งออกเพียบ หลังมะกันจ่อขึ้นภาษีจีนรอบใหม่

“พาณิชย์” ตามติดสหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนรอบใหม่อีก 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จำนวน 3,800 รายการ พบไทยมีโอกาสส่งออกเพิ่มกว่า 725 รายการ มูลค่า 6,400-32,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นอาหาร เสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องประดับ ของใช้ในบ้าน เตรียมถก 20 สมาคมและกลุ่มอุตสาหกรรม ทำแผนรับมือและผลักดันส่งออกเร่งด่วน 29 พ.ค.นี้

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ประเมินผลกระทบกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้าจากจีนรอบใหม่ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จำนวนประมาณ 3,800 รายการ และขณะนี้สหรัฐฯ กำลังจะเปิดรับฟังความคิดเห็นในเดือน มิ.ย. 2562 พบว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีไปแล้ว โดยครอบคลุมสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ หากมีการปรับขึ้นภาษีจริงจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่สินค้าจะมีราคาแพงขึ้น แต่ในส่วนของไทยจะมีโอกาสส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าจากจีนได้เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษีดังกล่าวทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกเพิ่มในตลาดสหรัฐฯ กว่า 725 รายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 200-1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,400-32,000 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดและมีขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว เช่น อาหารและเครื่องปรุงอาหาร (เครื่องเทศ น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะพร้าว พีนัท ถั่ว Pignolia น้ำตาลอ้อย) น้ำผลไม้ ขิง ชาเขียว เสื้อผ้าและผ้าผืน รองเท้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องประดับ (ไข่มุกและนาฬิกา) และของใช้ในบ้าน (เครื่องเซรามิก เครื่องแก้ว) เป็นต้น


สำหรับกลุ่มที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา มูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จำนวน 5,745 รายการ และจีนขึ้นภาษีตอบโต้ 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จำนวน 5,140 รายการ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิ.ย. 2562 นั้น พบว่าไทยมีโอกาสส่งออกสินค้าได้เพิ่มขึ้นทั้งในตลาดสหรัฐฯ และจีน โดยสินค้ากลุ่มที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก ได้แก่ ผักและผลไม้สดและแปรรูป เครื่องดื่ม ไก่สดแช่แข็ง อาหารปรุงแต่ง เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ยาง

ส่วนสินค้ากลุ่มเดิมที่เคยได้รับผลกระทบ อย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะตลาดรับรู้ถึงการปรับขึ้นภาษีไปแล้วครั้งหนึ่ง และเมื่อขึ้นอีกก็กระทบไม่มาก ที่สำคัญผู้ประกอบการไทยได้มีการปรับตัว โดยปรับกลยุทธ์ไปผลิตในประเทศที่ 3 นอกจากจีนมากขึ้น เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน และแนวโน้มการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ เริ่มมีสัญญาณหดตัวน้อยลง


น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า เพื่อเป็นการเร่งรัดการส่งออกในกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพ กระทรวงพาณิชย์ได้นัดประชุมกับตัวแทนอุตสาหกรรมกว่า 20 สมาคมและกลุ่มอุตสาหกรรม ในวันที่ 29 พ.ค. 2562 เพื่อหารือถึงการปรับกลยุทธ์ผลักดันการส่งออก เพื่อปรับวิกฤตจากสงครามการค้าให้เป็นโอกาสส่งออกของไทย และยังจะใช้โอกาสนี้หารือถึงแนวทางการรับมือสงครามการค้า และการกำหนดยุทธศาสตร์การค้าระยะยาวของไทย ก่อนที่จะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ในวันที่ 11 มิ.ย. 2562 พิจารณาด้วย


นอกจากนี้ การติดตามสถานการณ์การนำเข้า กรมการค้าต่างประเทศได้มีการติดตามกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ฯ อะลูมิเนียม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ เครื่องจักรไฟฟ้า ทองแดง และเคมีภัณฑ์ เพื่อป้องกันการสินค้าไหลเข้ามาไทยเป็นจำนวนมากจากมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศและผู้บริโภค


ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9620000049617

ข่าวรายวัน,สิ่งทอ,พาณิชย์,สหรัฐฯ,จีน,ภาษีนำเข้า,สงครามการค้า,เสื้อผ้า,รองเท้า,เครื่องประดับ