หน้าแรก / THTI Activities / ก.อุตฯ โชว์อัตลักษณ์ผ้าไหมไทย ในงาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย” อย่างยิ่งใหญ่

ก.อุตฯ โชว์อัตลักษณ์ผ้าไหมไทย ในงาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย” อย่างยิ่งใหญ่

05.09.2566 | จำนวนผู้เข้าชม 975

ก.อุตฯ โชว์อัตลักษณ์ผ้าไหมไทย ในงาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย” อย่างยิ่งใหญ่
ยกทัพนิทรรศการและกิจกรรมสุดพิเศษ หวังดันผ้าไทยสู่เวทีโลกต่อยอดรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
 
กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk)” ภายใต้โครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัย (Premium Thai Silk ประจำปี 2566 พร้อมเปิด “Collection 2023 : The art & heart of Thai silk” เน้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ผ่านการพัฒนาและออกแบบบพื้นฐานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมความเป็นไทย พร้อมผสานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่า สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
 
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน“มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk)” ภายใต้โครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัย Premium Thai Silk ประจำปี 2566 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (สสท.) ดำเนินการยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าพื้นเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม และแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่ได้ดำเนินการมาในปีงบประมาณ 2566 ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผ้าไหมมัดหมี่ไทยรูปแบบใหม่เน้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ผ่านการพัฒนาและออกแบบบนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย ผสานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่า เพื่อให้ชุมชนผ้าไหมไทยสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน พร้อมเป็นรากฐานที่สำคัญของวงการแฟชั่นผ้าไหมไทย ตอบสนองและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานได้ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ 
 
ในปี 2566 กระทรวงฯ มุ่งขยายตลาดผ้าไหมไทยไปสู่ระดับสากล ด้วยการส่งตัวอย่างผ้าไหม ภายใต้โครงการนี้ เพื่อการเจรจาซื้อขายและเผยแพร่ไปยังตลาดประเทศต่าง ๆ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย อิตาลี และยุโรป คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดดังกล่าวเป็นอย่างดี ทั้งนี้ โครงการฯ เน้นในเรื่องการนำรายได้และความยั่งยืนกลับสู่ชุมชน โดยการเพิ่มทักษะทางอาชีพให้กับคนในชุมชนต่าง ๆ ที่ทำอาชีพที่เกี่ยวกับผ้าไหม เช่น ช่างย้อม ช่างมัด ช่างทอ รวมถึงผู้จำหน่าย เน้นให้ความรู้และทักษะด้วยการใส่ความเป็นไทยลงไปในลวดลายผ้า พร้อมนำแรงบันดาลใจจากเอกลักษณ์ในชุมชน รวมถึงการเลือกใช้สีธรรมชาติที่มีในท้องถิ่นในการย้อมผ้าเพื่อรักษาอัตลักษณ์ของผ้าไหมไทยไว้ ซึ่งจะทำให้วิสาหกิจชุมชนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 400,000 -1,700,000 บาทต่อชุมชน 
 
“กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้พัฒนาและออกแบบผ้าไหมไทย ร่วมสมัย อาทิ ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมขิด ผ้าไหมยกดอก ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแต้มหมี่ ผ้าไหมบาติก ที่ออกแบบลวดลายใหม่ทั้งหมด เน้นอัตลักษณ์ไทย ผสานเทคนิคการผลิตแบบใหม่ จำนวน 24 ผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงโชว์ภายในงาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk) ภายใต้คอลเลกชั่นใหม่ : The art & heart of Thai silk” ที่เน้นความเป็นไทย ทั้งการออกแบบลายผ้าไหมสมัยใหม่บนศิลปะและ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งทั้ง 24 ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาภายใต้โครงการฯ จากผู้ประกอบการทั้ง 8 วิสาหกิจชุมชนคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 7,395,000 บาท” นางสาวณัฏฐิญา กล่าว

งาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk)” ภายใต้โครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัย Premium Thai Silk ประจำปี 2566 และนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่ได้รับการพัฒนาสู่ระดับสากล กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 -17 กันยายน 2566 ณ หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ www.thaitextile.org หรือ FB : Thailand Textiles Institute

สิ่งทอ,สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม,MIND,THTI,สถาบันพัฒนาอุตาหกรรมสิ่งทอ,มัดทอใจ,ผ้าไทยร่วมสมัย